บอร์ด สปสช. รับทราบผลแจกชุดตรวจ ATK สำหรับกลุ่มเสี่ยงระยะที่ 1 จำนวน 8.5 ล้านชุด กระจายให้กับประชาชนแล้ว 8.49 ล้านชุด คงเหลือ 5,575 ชุด พร้อมติดตามตรวจสอบต่อเนื่องโครงการแจก ATK ระยะที่ 2 ขณะที่ประชุมหารือปรับเกณฑ์คัดกรองโควิด เน้นเฉพาะผู้มีอาการ
ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2565 ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ได้มีมติรับทราบความคืบหน้าของการกระจายชุดตรวจการติดเชื้อโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง Antigen Test Kit (ATK) สำหรับกลุ่มเสี่ยงในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ระยะที่ 1 นำเสนอโดย นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นพ.อภิชาติ กล่าวว่า ในการกระจายชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2564 – 31 มี.ค. 2565 ตามวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการกระจายชุดตรวจให้แก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ได้ใช้กลไกกระจายผ่านหน่วยบริการในระบบบัตรทอง
ทั้งโรงพยาบาล ร้านขายยา ฯลฯ พร้อมจ่ายค่าตอบแทนให้แก่หน่วยบริการเป็นเงินจำนวน 10 บาทต่อชุด ซึ่งในระยะดังกล่าวพบว่า มีการกระจาย ATK ลงพื้นที่ไปแล้วเป็นจำนวน 8,494,425 ชุด คงเหลือในคลังกลางจำนวน 5,575 ชุด
ทั้งนี้ สธ. และ สปสช. ได้กำหนดให้มีการแจกตามพื้นที่เสี่ยงสีแดงซึ่งมีประชาชนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนต้องประเมินความเสี่ยงผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวตนในการรับชุดตรวจ 2 ชุด ภายในระยะเวลา 10 วัน หากมีการบันทึกแล้วผลเป็นลบจึงจะสามารถรับชุดตรวจชุดต่อไปได้
โดยในส่วนของการบันทึกผล ซึ่งปิดรับการบันทึกข้อมูลไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 พบว่ามีการบันทึกผล ATK เข้ามาในแอปฯ จำนวน 7,141,966 ชุด ไม่พบการบันทึกผล จำนวน 914,734 ชุด และยังคงเหลือ ATK ในพื้นที่ประมาณ 437,725 ชุด
หลังจากนี้ สปสช.จะมีการติดตามตรวจสอบต่อไป เนื่องจากขณะนี้มีโครงการกระจายชุดตรวจ ATK ในระยะที่ 2 เริ่มเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565 กำหนดให้ประชาชนสามารถเข้ารับชุดตรวจ ATK ได้ที่ร้านขายยาหรือคลินิก ขณะที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมจะเป็นผู้จัดหาชุดตรวจและเบิกค่าใช้จ่ายกับ สปสช. ราคาชุดละ 55 บาท
สำหรับหลักเกณฑ์การรับชุดตรวจ ATK ในระยะที่ 2 นั้น ประชาชนไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถรับชุดตรวจ ATK ฟรี คนละ 2 ชุด ขอย้ำว่าให้นำชุดตรวจ ATK ที่ได้รับมาตรวจหาเชื้อทันที เพราะท่านเป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมให้บันทึกผลการตรวจในระบบ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขอรับชุดตรวจ ATK ในครั้งต่อไปได้ โดยกรณีที่ท่านจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซ้ำสามารถขอรับชุดตรวจ ATK เพิ่มเติมได้โดยเว้นช่วงระยะเวลาห่างกันมากกว่า 14 วัน
ด้าน นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ สปสช. ประสานงานร่วมกับกรมควบคุมโรค เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลว่าขณะนี้ยังมีความจำเป็นในการแจกชุดตรวจ ATK มากน้อยเพียงใด เพราะหากดูแนวโน้มในหลายประเทศ รวมถึงบางประเทศในยุโรป ได้เลิกการแจกแล้ว ขณะเดียวกันคาดว่าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะผ่อนปรนมาตรการการเข้าเมืองเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากข้อมูลพบว่าการติดเชื้อส่วนมากในประเทศ เป็นการติดเชื้อในครัวเรือน ขณะที่ผู้เดินทางเข้าประเทศส่วนใหญ่จะผ่านการตรวจจากสายการบิน หรือประเทศต้นทางแล้วในระดับหนึ่ง
อีกส่วนที่จะต้องหารือกับ ศบค. คือลดระดับการตรวจ RT-PCR ลง อาจเริ่มด้วยการขอให้ตรวจก่อนที่จะเดินทางเข้ามาภายในประเทศ เพราะผู้ที่เดินทางเข้ามาจะต้องผ่านการตรวจสอบจากสายการบินและประเทศต้นทางในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นหากต้องมาตรวจ RT-PCR ในประเทศอีกก็อาจทำให้เกิดความยุ่งยากได้ ตรงนี้ สธ. กำลังหาหาจุดสมดุลให้ได้มากที่สุด ไม่ให้เกิดความตระหนก และให้คนในประเทศสามารถดำเนินชีวิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติให้ได้เร็วที่สุด
“อยากจะเรียนว่าหลังสงกรานต์การติดเชื้อน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่เราก็จะพยายามประคองสถานการณ์เต็มที่ให้อยู่ในลักษณะที่ควบคุมได้ ถ้าจำนวนตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ เราก็คงมีมาตรการเพิ่มจากรัฐบาลในช่วงก่อนสิ้นเดือนเมษายน เพื่อให้เป็นไปตามวางเป้าหมายไว้” นายอนุทิน กล่าว
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ยังได้มีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยเสนอให้มีการประกาศให้ชัดเจนว่า ผู้ที่จำเป็นต้องตรวจ ATK คือผู้ที่มีอาการ ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องตรวจ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ระบุว่าโควิด-19 กำลังดำเนินสู่โรคประจำถิ่น หากยังระบุว่าต้องมีการตรวจ ATK ก่อนเข้าพื้นที่ต่างๆ ประชาชนก็จะต้องหาชุดตรวจ ซึ่งอาจจะสร้างความยากลำบากให้กับประชาชนบางกลุ่มได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 100 views