ศบค.เห็นชอบแผนจัดหา Long-acting antibody (LAAB) ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิฯด้วยวัคซีน เช่น คนมีโรคประจำตัว คนมีภูมิคุ้มกันต่ำ ล่าสุดหารืออัยการสูงสุด แนะนำปรับสัญญากับบริษัทแอสต้าเซนเนก้า เปลี่ยนจากวัคซีนแอสตร้าฯบางส่วนใช้กรณีนี้แทน  ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงินเดิมที่ครม.อนุมัติ มอบ สธ.ดำเนินการ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 เม.ย.2565  ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมห่วงเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในกลุ่มเสี่ยง เพราะผู้ที่มีอายุ 60 ปี  โดยเข็ม 3 ฉีดไปประมาณ 37%  ซึ่งโอมิครอนต้องฉีด 3 เข็ม จึงยังมีอีกกว่า 60% ยังไม่ได้ฉีด ขณะที่เด็กเข็ม 2 ฉีดไป 1.9%  

"หลายๆคนกลัววัคซีน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งกองระบาดวิทยาแสดงข้อมูลว่า ฉีดไปแล้วทั้งหมดกว่า 130 ล้านโดส โดยอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนจำนวน 123 ราย คิดเป็น 0.9 รายต่อล้านโดส ส่วนเหตุการณ์เสียชีวิตที่สรุปว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนมี 6 ราย หรือ 0.04 รายต่อล้านโดส ซึ่งตัวเลขตรงนี้จะทำให้เข้าใจข้อมูลมากขึ้น" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับข้อสรุปการฉีดวัคซีนขอย้ำว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้เว้นห่าง 3 เดือนขึ้นไป ส่วนเข็ม 4 ให้ห่างจากเข็ม 3 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป ส่วนไฟเซอร์ฉีดครึ่งโดสได้ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน ส่วนคนติดเชื้อมาก่อน หากพ้นไป 3 เดือนไปรับวัคซีนได้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า  นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการจัดหา Long-acting antibody (LAAB) สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิฯด้วยวัคซีน เช่น คนมีโรคประจำตัว คนมีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค ให้ฉีดเข้ากล้ามทุก 6 เดือน  สามารถป้องกันโควิดได้ 6-12 เดือนต่อการให้ 1 ครั้ง 

" ทั้งนี้ ได้หารือกับอัยการสูงสุด แนะนำให้ปรับสัญญากับบริษัทแอสต้าเซนเนก้า โดยเปลี่ยนจากวัคซีนแอสตร้าฯบางส่วน ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงินเดิมที่ครม.อนุมัติแล้ว ไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องดี และมีข้อมูลมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่ประชุมจึงเห็นชอบในหลักการและให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไป" โฆษก ศบค. กล่าว 

 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : ศบค.ห่วงภาคอีสานเสียชีวิตโควิดสูงสุด หนำซ้ำ! เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงต่ำกว่าภาคอื่น )

 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : รอลุ้นหลังสงกรานต์! หากติดเชื้อคุมได้เตรียมปรับรูปแบบดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยเดือน พ.ค.)

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org