จากการวิเคราะห์ข้อมูลของรัฐบาลฮ่องกงโดย Hong Kong Free Press (HKFP) พบว่ามีผู้ติดเชื้อในฮ่องกงที่ได้รับการยืนยันเกือบ 900 รายต่อพลเมืองฮ่องกง 100,000 คนในช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งนี่เป็นตัวเลขที่สูงยิ่งกว่าช่วงที่มีผู้ป่วยสูงสุดในนิวยอร์กซิตี้ที่เคยเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลในช่วงการระบาดใหญ่ โดยมีผู้ป่วย 500 รายต่อประชากร 100,000 คนในเดือนมกราคมปี 2565

ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในฮ่องกงมากมายก่ายกอง จนไม่มีห้องดับจิตรองรับได้พอ บางกรณีผู้ป่วยยังต้องนอนข้างๆ ร่างผู้เสียชีวิตด้วยซ้ำ ตอกย้ำถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายยากจินตนาการ เพราะก่อนหน้านี้ฮ่องกงใช้มาตรการที่เข้มงวดมาก (จนเรียกได้ว่าเข้มงวดที่สุดในโลก) จนยอดผู้ติดเชื้อแทบไม่มีและไม่ต้องพูดถึงผู้เสียชีวิตกันเลย แล้วเกิดอะไรขึ้นกับฮ่องกงกันแน่?

ต่อไปนี้เป็นปัจจัยแวดล้อมและเหตุผลจากรายงานข่าว ทัศนะ การคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ว่า "ฮ่องกงพลาดตรงไหน?"

1. วิชัยกฤษณะ ธนเศกรัน (Vijaykrishna Dhanasekaran) นักไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวกับ Guardian/HKFP สื่อของสหราชอาณาจักร/ฮ่องกงว่า ปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตที่สูงในฮ่องกงคือ “ประชากรที่มีความหนาแน่นสูงและพื้นที่คับแคบของฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแฟลตจัดสรรโดยรัฐ” (1) ส่วนนักไวรัสวิทยา สิทธารถ ศรีธร (Siddharth Sridhar) จากภาควิชาจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าวว่าอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ของฮ่องกง (ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่แย่ที่สุดในโลก) คาดเดาได้เพราะเกิดจากอัตราการฉีดวัคซีนต่ำในผู้สูงอายุ จากอัตราการติดเชื้อที่ต่ำก่อนหน้านี้ และจากระบบการรักษาพยาบาลที่ล้นจนแบกรับไม่ไหว ธนเศกรัน กล่วในลักษณะเดียวกันว่า “ข้อมูลชัดเจนมาก … คนส่วนใหญ่ที่ลงเอยในโรงพยาบาลไม่ได้รับการฉีดวัคซีน คนส่วนใหญ่ที่มีอาการรุนแรงคือผู้สูงอายุ ชัดเจนว่าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น” (1)

2. หลินเจิ้งไฉ (Lam Ching-choi) แพทย์และสมาชิกคณะรัฐมนตรีของหัวหน้าผู้บริหารฮ่องกงบอกกับทิโมที แมคลัฟลิน (Timothy McLaughlin) นักเขียนประจำฮ่องกงของ The Atlantic สื่ออเมริกันว่าการที่รัฐบาลต้องพึ่งพาแพทย์ประจำครอบครัว (Family doctor/General practitioner )ในการให้คำแนะนำผู้ป่วยในการฉีดวัคซีนเป็นความผิดพลาด หลายคนเตือนผู้สูงอายุให้ระมัดระวังในการรับวัคซีน ดังนั้นโควิด-19 จึงได้แพร่กระจายผ่านสถานดูแลคนชราตามคาด และปรากฏว่าผู้อยู่อาศัยในบ้านพักคนชรามากกว่า 29,000 คนติดเชื้อในช่วงคลื่นการระบาดเดือนมีนาคม (2)

3. The Atlantic ยังชี้ว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากแนวโน้มทางการเมืองด้วย เพราะฮ่องกงใช้แนวทางโควิดเป็นศูนย์อย่างมีพลวัตร (dynamic zero COVID) ที่ใช้ในจีนด้วย แต่เพราะฮ่องกงใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Srecurity Law) ที่ออกมาเพื่อปราบการประท้วงครั้งใหญ่และยังใช้ปิดปากฝ่ายค้านหรือฝ่ายต่อต้านฝ่ายบริหารฮ่องกงด้วย การที่ไม่มีฝ่ายค้านทำให้ไม่มีการตรวจสอบ และการไม่ตั้งคำถามกับแนววทางของจีนแผ่นดินใหญ่ถือว่าเป็น "ความรักชาติ" การตั้งคำถามกับแนวทาง dynamic zero COVID แสดงถึงความไม่รักชาติจีน ตัวอย่างเช่น ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนกล่าวในเดือนมีนาคมว่า “กองกำลังผู้รักชาติต้องเปิดโปง วิพากษ์วิจารณ์ และคว่ำบาตรอย่างแข็งขันด้วยกฎหมายต่อกองกำลังต่อต้านจีนที่หมายจะสั่นคลอนความมั่นคงซึ่งเริ่มโจมตีด้วยการป้ายสี ปล่อยข่าวลือ และสร้างความตื่นตระหนกเพื่อขัดขวางการความพยายามต่อต้านการแพร่ระบาด" (2) คำกล่าวนี้สะท้อนว่าการวิจารณ์แนวทาง dynamic zero COVID เป็นเรื่องอันตรายทางการเมืองไปแล้ว

4. ดูเหมือนว่าปัญหาทางการเมืองจะเป็นเรื่องใหญ่พอๆ กับการจัดการ "ผิดพลาด" ที่จริงแล้ว มันอาจเป็นรากเหง้าของปัญหาที่ฮ่องกงเผชิญในช่วงคลื่นการระบาดที่หนักหน่วงเดือนมีนาคมด้วยซ้ำ จากรายงานของ CNA ว่า ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ประเทศจีนได้ส่งบุคลากรทางการแพทย์ประมาณ 400 คน เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ต่อต้านการแพร่ระบาดของฮ่องกง แต่นักข่าวของสถานีข่าวท้องถิ่น Now TV ถามว่าจะจัดการกับข้อร้องเรียนของผู้ป่วยเกี่ยวกับแพทย์จากแผ่นดินใหญ่อย่างไร (เพราะมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการรับบุคคลากรแพทย์จากนอกฮ่องกงเข้ามา) คำถามนี้ทำให้กลุ่มโปรรัฐบาลจีนในฮ่องกงเดือดดาลมาก จนช่องดังกล่าวออกคำขอโทษในวันรุ่งขึ้นหลังจากกลุ่มนักคิดที่สนับสนุนรัฐบาลที่ปักกิ่งเรียกร้องให้ไล่นักข่าวคนนี้ออก และกล่าวหาว่าเธออาจละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ จะเห็นได้ว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ การอิงกับรัฐบาลจีนอย่างหนัก และการล่าแม่มดคนที่กล้าตั้งคำถามกับรัฐบาล (ฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่) คือปัญหาที่ร้ายแรงมาก (3)

5. จะเห็นภาพความร้ายแรงของเงื่อนไขทางการเมืองมากขึ้นจากการรายงานของสำนักข่าว Xinhua ที่สัมภาษณ์ เหลียงว่านเหนียน (Liang Wannian) หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญรับมือโควิด-19 ภายใต้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนที่ถูกส่งตัวมาช่วยฮ่องกงรับมือกับการระบาดคลื่นลูกที่ 5 กล่าวแนะนำให้รัฐบาลฮ่องกง "เรียนรู้จากประสบการณ์ของอู่ฮั่น" คำกล่าวนี้สะท้อยนว่าฮ่องกงควรจะใช้วิธีการแบบแผ่นดินใหญ่ต่อไปในการควบคุมการระบาด กล่าวอีกแง่หนึ่งคำแนะนำนี้มีลักษณะในเชิงบังคับให้ต้องทำแบบแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าจะเสียงเสียงตำหนิและความสงสัยในประสิทธิภาพของแนวการรับมือการระบาดของแผ่นดินใหญ่ซึ่งเริ่มที่จะสั่นคลอนจากยอดติดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในจีนและหายนะที่เกิดขึ้นในฮ่องกง ทั้งนี้ทั้งนั้น South China Morning Post สื่อในฮ่องกงตั้งข้อสังเกตว่าเหลียงว่านเหนียนเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของแนวทาง dynamic zero COVID (4) ที่ถูกตั้งคำถามมาก

6. บุคคลากรทางการแพทย์ของฮ่องกงก็มองว่าหายนะที่เกิดขึ้นคือผลมาจากการบริหารของฝ่ายการเมืองที่ผิดพลาด โดยแพทย์แนวหน้าบอกกับ HKFP ว่าความหายนะเป็นผลมาจากการที่ทางการฮ่องกงยึดมั่นกับ dynamic zero COVID อย่างกระตือรือร้นซึ่งเป็นแนวทางที่มีปัจจัยทางการเมืองแฝงอยู่ (HKFP ยังชี้ว่า แคร์รี แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮ่องกง กล่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า กลยุทธ์ปลอดเชื้อโควิด-19 เป็น "ข้อกำหนด" ของจีนแผ่นดินใหญ่) หนึ่งในบุคคลากรแพทย์ที่ไม่พอใจเรื่องนี้คือผู้ใช้นามแฝงว่า WK Wong (ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองที่เข้มงวดที่ระบุไว้ข้างต้น) เขาบอกว่า “ทุกอย่างตั้งแต่การฉีดวัคซีน นโยบายปลอดโควิด ไปจนถึงการคัดแยกผู้ป่วย ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการเมือง” (5)

7. WK Wong ยังบอกรัฐบาลมีเวลามากกว่า 2 ปีในการเตรียมการรับมือกับโควิด-19 อย่างแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เขาบอกว่า

“มันเป็นความคิดที่โง่มากที่คิดว่าเราจะไม่มีโควิดได้ตลอดไป ฉันคิดว่าเรามีการตัดสินใจที่โง่มากจากรัฐบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุข” (5) และเขายังบอกด้วยว่า “หากผู้นำยังมีคุณธรรมใดๆ อยู่บ้างเขาหรือเธอควรลาออกด้วยความอับอายหลังจากเห็นผู้สูงอายุจำนวนมากเสียชีวิตจากความผิดพลาดของนโยบาย” และเขายังเรียกวิกฤตโควิด-19 ที่ฮ่องกงว่าเป็น “ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น” (6)

8. คำถามก็คือฮ่องกงจะยึดกับแนวทาง dynamic zero COVID ต่อไปหรือไม่? สามารถคาดเดาได้ว่ามีโอกาสสูงที่ฮ่องกงจะยึดมั่นกับแนวทางนี้ต่อไปแม้ว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่น่าสยดสยองก็ตาม นั่นก็เพราะฮ่องกงผูกมัดตัวเองในทางการเมืองกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเหนียวแน่น การต่อต้านแนวทางของแผ่นดินใหญ่จะถูกโจมตีว่าบ่อนทำลายจีนและยังอาจถูกลงโทษตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ในเมื่ออนาคตฮ่องกงผูกติดกับจีนแบบนี้ เมื่อสีจิ้นผิงกล่าวเมื่อวันที่ 17 มีนาคมเรื่องมาตรการควบคุมการระบาดของแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงเองก็คงต้องทำตามเช่นกัน ซึ่งสีจิ้นผิงกล่าวว่า “เราต้องทำให้ผู้คนและชีวิตอยู่แถวหน้า ยึดมั่นในความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์และ (โควิด) ศูนย์แบบมีพลวัตร และควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาดโดยเร็วที่สุด” (7)

 

อ้างอิง

Hutton, Mercedes. (March 18, 2022) "Hong Kong Covid crisis: why is the death rate so high?". Guardian/HKFP.

2. McLaughlin, Timothy. (March 17, 2022). "What Happened to Hong Kong?". The Atlantic.

3. "Hong Kong leader defends mainland medics against 'divisive comments'". (March 18, 2022). CNA/AFP.

4. Zheng, William. (Febuary 28, 2022). "Coronavirus: who is Liang Wannian, the renowned mainland Chinese epidemiologist who will guide Hong Kong’s anti-pandemic efforts?". South China Morning Post.

5. Leung, Hillary. (March 6, 2022). "‘A very stupid idea’: Hong Kong frontline medics decry ‘dynamic Covid-zero’ as putting politics before public health". HKFP.

6. Hutton, Mercedes. (March 19, 2022). "Q&A: Where did Hong Kong go wrong in its fight against Covid-19?". HKFP.

7. "China’s President Xi says country will ‘stick with’ zero-Covid strategy". (March 18, 2022). AFP.

ภาพ - ภาพถ่ายที่ได้รับการตรวจสอบโดย HKFP แสดงให้เห็นศพข้างผู้ป่วยในวอร์ดที่โรงพยาบาลควีนอลิซาเบธของฮ่องก เมื่อต้นเดือนมีนาคม HKFP ระบุว่ารูปถ่ายมาจากอินเทอร์เน็ต.