เปิดแนวทางการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น หากฉีดเข็มที่ 3 ให้มีระยะห่างจากเข็ม 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทุกสูตรวัคซีน และหากฉีดเข็มที่ 4 ให้ห่างจากเข็มที่ 3 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป ด้านอนุกรรมการวัคซีนฯ เพิ่มคำแนะนำใหม่บูสเตอร์โดสเด็กอายุ 12-17 ปี รับเข็ม 3 เป็น mRNA ระยะห่างเข็ม 2  ตั้งแต่ 4-6 เดือน พร้อมเดินหน้าแผนฉีดวัคซีนผู้สูงอายุรับบูสเตอร์โดสก่อนสงกรานต์ เตรียมไว้ 3 ล้านโดส

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 มี.ค.2565 นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวประเด็น : แนวทางการให้วัคซีนโควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข ว่า  ข้อมูล ณ วันที่ 20 มี.ค.2565 ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนสะสมแล้ว 127 ล้านโดส ฉีดเข็มที่ 1 แล้วกว่า 54 ล้านคน คิดเป็น 78.9%  ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดแล้วกว่า 50 ล้านคน คิดเป็น 72.1%  ส่วนเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้นฉีดแล้วกว่า 22 ล้านคน คิดเป็น 32.2%  ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ทาง ศบค.ให้ความเห็นชอบ 

สำหรับผลการให้บริการวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายหลัก อย่างผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยเข็มที่ 1 ฉีดไปแล้ว 10 ล้านคน ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดไปแล้วราว 10 ล้านคนเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการฉีดเข็มกระตุ้น ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้ว 4.2 ล้านคน ส่วนอีกกลุ่ม เป็นกลุ่มเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ฉีดเข็ม 1 ไปประมาณ 1.7 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในส่วนเข็มกระตุ้นเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลมาจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายหลัก

นพ.วิชาญ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาเรื่องประสิทธิผลของวัคซีน ซึ่งในที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และให้คำแนะนำเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยปรับแผนการฉีด ดังนี้ 

** การฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ประกอบด้วย

1.แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทุกสูตร
2.แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 3 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป 

- กรณีกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ สามารถฉีดขนาดครึ่งโดส ภายใต้ดุลพินิจของแพทย์และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน ทั้งนี้ มีข้อมูลการศึกษาในผู้ใหญ่ที่แข็งแรงดี ว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ไม่มีการศึกษาในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเด็ก

***การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเด็กอายุ 12-17 ปี  ซึ่งเป็นคำแนะนำใหม่ โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้ให้คำแนะนำเพิ่มว่า ให้เด็กอายุ 12-17 ปี ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เข้ารับวัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3 ขนาดโดสมาตรฐาน โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลาตั้งแต่ 4-6 เดือนขึ้นไป ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำกับองค์การอนามัยโลก และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

**การให้วัคซีนโควิด19 ในผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโควิด19 
แนะนำให้วัคซีนโควิดในผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโควิดได้ตามหลักการเดียวกับผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน โดยให้วัคซีนหลังจากการติดเชื้อ เป็นเวลา 3 เดือน 

"สรุปแนวทางใหม่ที่เพิ่มขึ้น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้สามารถทำได้ในเด็กอายุ 12-17 ปี ให้มีระยะห่าง 4-6 เดือนขึ้นไป  สวนคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นของกระทรวงสาธารณสุข ขอย้ำว่า หากเป็นเข็ม 3 ฉีดได้ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ส่วนเข็ม 4 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป ในทุกสูตรวัคซีนที่กำหนดไว้" นพ.วิชาญ กล่าว

 

นพ.วิชาญ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการฉีดวัคซีนได้ให้ความสำคัญการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมความพร้อมเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยผู้สูงอายุมีความเสี่ยงการติดเชื้อและเสียชีวิตกว่ากลุ่มอื่น และผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน หรือฉีดไม่ครบก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น การเร่งรัดการฉีดวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข และศบค.  ซึ่งต้องย้ำว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ 41 เท่า 

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดเปรียบเทียบปี 2564 และปี 2565  ซึ่งประสบการณ์ในปี 2564 หลังสงกรานต์ พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากขึ้น แต่ด้วยปี 64 ข้อจำกัดของวัคซีนเข้ามายังมีน้อย แต่ปี 2565 เราไม่ประมาท จึงต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันและปกป้องผู้สูงอายุ ลูกหลานที่จะเดินทางกลับบ้านขอให้ฉีดวัคซีน และคลีนอัปตัวเองก่อนเดินทางกลับ 1 สัปดาห์

"แผนการเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุ สธ.ได้กำหนดเป้าหมาย ซึ่งผ่านมติอีโอซี สธ.และของศบค. โดยได้สั่งการไปยัง สสจ.ทุกจังหวัดในการเร่งรัดค้นหาผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยผู้ที่ถึงกำหนดการฉีดเข็มกระตุ้น ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70%  ก่อนจะถึงสงกรานต์ ซึ่งเราเตรียมวัคซีนไว้ 3 ล้านโดส ซึ่งเราได้มีการร่วมมือกับทุกภาคส่วน" นพ.วิชาญ กล่าว 

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : 

-สธ.เปิดประสิทธิผลวัคซีนโควิดเข็ม 3 ป้องกันเสียชีวิตถึง 87%  ส่วนเข็ม 4 ป้องกันติดเชื้อ 84.7% 

-ย้ำ! ตัวเลขป่วยหนักเสียชีวิตโควิดสูง ผลพวงจากติดเชื้อมาก แต่ระบบรับได้ มีเตียงว่างอีกกว่า 75% 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org