ปลัดสธ. ย้ำสถานการณ์เตียงภาพรวมใช้ไป 59% เตียงสีเขียวใช้ไป 67% ยืนยันเพียงพอ รวมทั้งยารักษาโควิดให้จ่ายยาตามกลุ่มอาการผู้ป่วย ล่าสุด 28 ก.พ. อภ.จัดส่ง "ยาฟาวิพิราเวียร์" ทุกเขตสุขภาพแล้วกว่า 5 ล้านเม็ด และ 1 มี.ค.อีก 15 ล้านเม็ด เปิดแผนจัดหาและผลิตยารวม 87.6 ล้านเม็ดรายเดือน ตั้งแต่ ก.พ.ถึง เม.ย.65 ส่วน "ฟ้าทะลายโจร" เตรียมพร้อมรักษาผู้ป่วย 7 แสนคน
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้เตียงรักษาผู้ป่วยโควิดในปัจจุบัน ว่า สถานการณ์ไทยขณะนี้พบผู้ป่วยเพิ่มมากในทุกภูมิภาค ทำให้พบผู่ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มเชิงปริมาณ แต่เชิงสัดส่วนลดลง คาดการณ์ช่วงนี้ผู้ป่วยปอดอักเสบอาจจะเพิ่มขึ้นบ้างเป็น 1,000 คน เทียบช่วงเดลตามีถึง 6,000-7,000 คน ผู้ป่วยใส่ท่อข่วยหายใจ 400-500คน เทียบช่วงเดลตามีถึง 1,300คน แต่ยังอยู่ในศักยภาพที่ระบบสาธารณสุขดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนผู้เสียชีวิตอาจจะขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มเป็น 50 คน คิดว่าไม่น่าจะมากกว่านี้
(ข่าวเกี่ยวข้อง : เปิดฉากทัศน์ “โอมิครอน” คาดอีก 2-6 สัปดาห์เริ่มทรงตัว ลดลง หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง)
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า ส่วนสถานการณ์เตียงรพ.ภาพรวมใช้ไป 59 % จากทั้งหมด โดยเตียงเหลือง-แดงใช้ไปประมาณ 20 % ขณะที่เตียงเขียวใช้ไป 67% ยืนยันเพียงพอ ซึ่งสธ.พยายามปรับให้ผู้ป่วยอาการน้อยหรือไม่มีอาการรักษาผ่าน HI/CI รวมถึงการรักษาเป็นผู้ป่วยนอก เพื่อนำไปสู่การปรับเป็นโรคประจำถิ่น
ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์เตรียมสำรองไว้เพียงพอแน่นอนทั้ง 13 เขตสุขภาพและองค์การเภสัชกรรมมีสำรองไว้ถึง 16,904,718 เม็ด รวมถึงองค์การเภสัชกรรมยังมีแผนจัดหาและผลิตยาเพิ่มอีก 87.6 ล้านเม็ด โดยวันที่ 28 ก.พ.ได้จัดส่งกระจายไปทุกภูมิภาคอีก 5 ล้านเม็ด และวันที่ 1 มี.ค. จัดส่งไปอีก 15 ล้านเม็ด
ทั้งนี้ แผนการจัดหาและผลิตยารวม 87.6 ล้านเม็ดนั้น จะแบ่งเป็นการจัดหาช่วงวันที่ 24-28 ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 23.8 ล้านเม็ด วันที่ 1-7 มี.ค. ผลิตจำนวน 10.6 ล้านเม็ด ส่วนวันที่ 8-14 มี.ค. ผลิตอีก 9.2 ล้านเม็ด วันที่ 15-21 มี.ค. ผลิต 11.35 ล้านเม็ด และวันที่ 29 มี.ค.- 12 เม.ย. ผลิตอีก 21.3 ล้านเม็ดอย่างไรก็ตาม การกระจายยานั้น แบ่งออกเป็น 13 เขตสุขภาพรวมกรุงเทพมหานคร โดยจัดส่งวันที่ 28 ก.พ.2565 จำนวน 5,070,000 เม็ด วันที่ 1 มี.ค.2565 จำนวน 15,460,000 เม็ด รวมทั้งหมด 20,530,000 เม็ด
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข
(ข่าวเกี่ยวข้อง : สธ.เผยข้อแตกต่างการรักษาผู้ติดเชื้อโควิดแบบ "ผู้ป่วยนอก" และ HI/CI )
ด้าน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ล่าสุดทางกรม ได้ส่งมอบ ยาสมุนไพร “ฟ้าทะลายโจร” ในการรักษาผู้ป่วยจำนวนกว่า 700,000 ราย ให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยในสัปดาห์นี้จะกระจายทุกจังหวัด 5 แสน และสำรองสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ อีก 2 แสน ทั้งนี้ สำหรับการรับประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาอาการไข้ ไอ เจ็บคอที่เกิดจากอาการไข้หวัดธรรมดา ให้รับประทานทันทีเมื่อเริ่มมีอาการ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยให้รับประทานยาฟ้าทะลายโจรแบบบดผง ครั้งละ 4 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง (ครั้งละประมาณ 500 มิลลิกรัม – 2 กรัม) ก่อนอาหารและก่อนนอน (ประมาณ 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน)
ส่วนแบบสารสกัด รับประทานครั้งละ 1 หรือ 2 แคปซูล เพื่อให้ได้รับสาระสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ประมาณ 20 มิลลิกรัม/ครั้ง วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร หรือกินตามคำแนะนำของฉลากกำกับยา ส่วนการใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาไข้โควิด 19 นั้นต้องรักษาให้เร็วที่สุด และผู้ป่วยโควิด 19 มีความจำเป็นจะต้องได้รับ สารแอนโดรกราโฟไลด์ที่เพียงพอ คือ ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ต่อเนื่อง 5 วัน จึงจะช่วยลดโอกาสการเกิดปอดบวมและความรุนแรงอื่นๆได้ และผู้ป่วยโควิด 19 จะต้องอยู่ภายใต้การติดตามดูแลของแพทย์ด้วย เพื่อความเหมาะสมและความปลอดภัยในการใช้ยาฟ้าทะลายโจร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการให้ยาผู้ป่วยโควิดตามแนวทางกรมการแพทย์นั้น จะแบ่งเป็นกลุ่มอาการ หากไม่มีอาการ จะไม่มีการให้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากส่วนมากหายเองได้ และไม่ต้องเสี่ยงจากผลข้างเคียง เช่น เช่นคลื่นไส้ อาเจียน ตาสีฟ้า เสี่ยงดื้อยา ส่วนกรณีมีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง ไม่มีโรคร่วม แพทย์เป็นคนพิจารณาว่าจะให้ฟาวิพิราเวียร์หรือไม่ หากให้ต้องหยุดกินฟ้าทะลายโจร และกรณีผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยง ยาที่ใช้จะมีหลายตัว ขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 50 views