"อนุทิน" แจงสภาฯ ปมวัคซีนโควิดไม่ได้ฉีดตามอำเภอใจ พร้อมย้ำ สธ.ยุคนี้ให้ความสำคัญบุคลากรทุกคน  สร้างขวัญกำลังใจบรรจุข้าราชการ ผู้ที่ยังไม่ได้บรรจุ ขอให้ต้นสังกัดดูแลเต็มที่ มีค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัย พร้อมขอบรรจุรอบสอง รวมแบ็คออฟฟิศ ชี้ฝนตกต้องทั่วฟ้า  แต่ต้องสอดคล้องภาระงบประมาณ ย้ำ! ไม่เคยลืม 30 บาทรักษาทุกโรค
 
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 ก.พ.  ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวชี้แจงภายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการจัดการระบบสาธารณสุขไทย ว่า  ขอบคุณเพื่อนส.ส.ที่ใช้เวทีสภาในการอภิปรายอย่างสรรค์ และกล่าวถึงสิ่งที่กระทรวงได้ทำมา สิ่งที่ควรนำไปปฏิบัติต่อจากนี้ ส่วนตัวขอให้คำยืนยันได้บันทึกแนะนำต่างๆ และนำไปปฏิบัติในส่วนที่เราพิจารณาแล้วว่ามีประโยชน์กับประชาชน อย่างไรก็ตาม  มีหลายเรื่องที่เป็นข้อมูลเก่าที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตนมา 2 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2563-2564 ทั้งเรื่องวัคซีนมาช้า วัคซีนดีหรือไม่ดี  ซึ่งตนได้ชี้แจงไปแล้วทั้งหมดว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มีการพิจารณาอย่างรอบคอบบนข้อมูลทางวิชาการ และทำให้ตนได้รับการไว้วางใจอย่างท่วมท้นเกิน 260 เสียง 

ดังนั้น  สิ่งกระทรวงสาธารณสุขตั้งใจมุ่งมั่นและจะทำดีกว่า โดยจากนี้ไปของกระทรวงสาธารณสุขภายใต้การดูแลของตน ยังคงให้ความสำคัญที่สุดใน 3 ประเด็นสำคัญ  คือ 1. กระทรวงสาธารณสุขยุคนี้ให้ความสำคัญบุคลากรสาธารณสุขทุกท่านต้องได้รับการสนับสนุนให้ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ 2.ต่อยอดนโยบายเดิม เพิ่มเติมนโยบายใหม่ และ3. ประชาชนต้องได้รับการบริการที่ดีที่สุด ทั้งในภาวะวิกฤต และภาวะปกติ 

ประการที่หนึ่ง การให้ความสำคัญที่สุดในการดูแลบุคลากรสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ให้ได้รับการบำรุงขวัญกำลังใจในการทำงานอย่างเต็มศักยภาพ  เราประคองสถานการณ์โควิดมาได้จนทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขมีส่วนช่วยมาก ทำงานอย่างหนักเข้าปีที่ 3 แล้ว พวกเขาใช้องค์ความรู้ในการแก้ไขสถานการณ์ กระทรวงสาธารณสุขถือว่าโชคดีมากมีบุคลากรเหล่านี้ 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า  ดังนั้น เมื่อถึงเวลาอันควร ทางกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้มีการบรรจุตำแหน่งข้าราชการให้พวกเขา เราสูญเสียพวกเขาไม่ได้ มีการลงทุนทั้งการศึกษา การปฏิบัติหน้าที่หน้างาน บุคลากรสาธารณสุขเหล่านี้เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า แต่ไม่มีสภาพเป็นข้าราชการประจำ แต่อยู่ได้ด้วยเงินบำรุงของโรงพยาบาลที่จ้าง โดยจ้างแบบพนักงานของรัฐ ลูกจ้าง แต่จริงๆ ไม่มีความมั่นคงเลย เงินบำรุงจะดูแลได้กี่เดือน เราก็ไม่ทราบ การทำงานแบบนี้ หากมีการชักชวนจากรพ.เอกชน เราจะเสียเขาไปได้ง่ายมาก  และระบบสาธารณสุขจะกระทบ 

รัฐบาลชุดนี้เมื่อได้ทราบปัญหาเหล่านี้ จึงมีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข นำเสนอว่า ควรมีการบำรุงขวัญกำลังใจ และสร้างความมั่นคงให้ระบบสาธารณสุข โดยการเปิดตำแหน่งที่สามารถทำให้พวกเขาเป็นข้าราชการ จึงได้รีบนำเสนอและบรรจุข้าราชการที่เป็นบุคลากรสาธารณสุขถึง 45,684  ตำแหน่งเมื่อปีที่ผ่านมา

 
"สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุ เราพยายามให้หน่วยบริการ รพ.ทุกแห่งที่เป็นต้นสังกัดให้การดูแลเต็มที่ ส่วนข้าราชการเองก็พยายามมีค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัยต่างๆ และกำลังจะทำเรื่องเสนอท่านนายกฯ และท่านรองนายกฯ อาจารย์วิษณุ เครืองาม ว่า ขณะนี้ยังมีตำแหน่งที่มีความจำเป็นต้องบรรจุพวกเขาให้เป็นข้าราชการ บางครั้งก็ต้องบรรจุกลุ่มแบคออฟฟิศด้วย ไม่ใช่แค่คนหน้างานอย่างเดียว ฝนตกต้องทั่วฟ้า แต่ก็ต้องบรรจุให้สอดคล้องกับสถานการณ์ กับภาระงบประมาณที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความมั่นคงยิ่งขึ้น " นายอนุทิน กล่าว

รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการสธ. กล่าวอีกว่า แม้โควิดจะลดความรุนแรงลง แต่ที่ลด เพราะเรามีความพร้อมทางด้านสาธารณสุข และหากทุกอย่างเป็นปกติแล้ว ระบบสาธารณสุขก็จะมั่นคง บุคลากรต้องมีประสบการณ์ที่ผ่านศึกการต่อสู้โรคระบาดโควิด ให้เขาไม่ไปไหน อยู่กับระบบเรา คอยดูแลพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม แม้ทางการแพทย์จะควบคุมสถานการณ์ได้ เราไม่ได้ดีใจ เพราะเป็นหน้าที่และบอกตัวเองว่า วันนี้ผ่านไปอีกวัน จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมตลอดเวลา 

ภาพจาก TPchannel วิทยุรัฐสภา

ประการที่สอง ด้วยความเข็มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขที่มีมาแต่เดิม บัตรทอง ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่มีใครลืม นี่คือสิ่งที่ดีมาก  หน้าที่ของเราคือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้มีความเป็นเลิศยิ่งขึ้นไป และจะไม่ยอม ให้มีใครต้องล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล เราเดินหน้าโครงการมะเร็งรักษาฟรี, ฟอกไตฟรี, 30 บาท รักษาทุกที่ เหล่านี้ เพื่อคุณภาพีชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยไม่ต้องไปเป็นภาระครอบครัว มีกำลังวังชา ทำงาน กลายเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายต่างๆ มีการศึกษาแล้วว่าคุ้มค่า สิ่งที่ตนพูด ตนได้ทำ ทำทุกเรื่อง เรื่องกัญชา พ.ร.บ.กำลังบรรจุเข้าสภา ขอบคุณทุกท่านในที่นี้ ที่ให้การสนับสนุน 

ประการที่สาม  เรามุ่งให้คนไทยได้รับบริการทางสาธารณสุขที่เป็นเลิศ ไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่ว่าจะในภาวะวิกฤตหรือภาวะปกติ นั่นคือเหตุผลที่เราเป็นเพียง ไม่กี่ประเทศที่ให้บริการทั้งโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามอย่างเต็มที่ ร.พ.บุษราคัม คือ ตัวอย่างของความทุ่มเท 

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่รู้ว่าโควิดจะหมดไปเมื่อไหร่ การฉีดวัคซีนจึงสำคัญ อาจจะป้องกันการติดไม่ได้ 100% แต่ลดอาการรุนแรง และลดการเสียชีวิตได้ ซึ่งวันนี้อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 0.2% ต่อการติดเชื้อรายวัน ก็เป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนที่มาก  ผู้เสียชีวิตปัจจุบันกว่า 90% เป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น ขอความกรุณาลูกหลานพากลุ่มเสี่ยงในครอบครัวมาฉีดวัคซีนด้วย ส่วนวัคซีนเด็กเราไม่เคยฉีดตามอำเภอใจ แต่ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ ตามมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับเป็นทั่วไป

 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า กรณีที่มีการตั้งคำถามว่าที่ตนบอกว่าจะฉีดวัคซีนซิโนแวคในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป แต่ทำไมถึงขึ้นทะเบียนฉีด 6 ขวบขึ้นไปก็เป็นตัวสะท้อนว่าเรามีการพิจารณาอย่างเป็นมาตรฐานโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งทางผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเข้ามาขอฉีดในเด็ก 3 ขวบขึ้นไป ถือเป็นเพียงใบสมัคร แต่อย.พิจารณาแล้วด้วยข้อมูลต่างๆ ก็อนุมัติฉัด 6 ขวบขึ้นไป นี่สะท้อนว่าเราใช้มาตรฐานในการกำกับ  
ย้ำว่าวันนี้สายพันธุ์ที่ระบาดในไทยเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งเราใช่มาตรการควบคุมโรคไม่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดลต้า โดยขณะนี้เน้นการรักษาผู้ไม่มีอาการ หรืออาการน้อยที่บ้าน (HI) ส่วนคนอาการรุนแรงก็เข้ารักษาในรพ. เพราะหากให้ทุกคนแม้ไม่มีอาการหนักเข้าไปอยู่ในรพ.หมด แค่ติดเชื้อหลักพันรายก็เพิ่มเตียงเท่าไหร่ก็คงไม่พอ วันนี้ยา เวชภัณฑ์ไม่ขาดแคลน 

 
สำหรับการฉีดวัคซีนมีความสำคัญขอให้ประชาชนมารับวัคซีนตามวงรอบ เช่น คนที่ฉีกครบ 2 เข็มแล้ว ก็จะมีการฉีดบูสเตอร์โดสเข็ม 3 ถ้าท่านต้องไปทำงานเสี่ยง ทำงานที่สัมผัสผู้คนตลอดเวลาให้มาฉีดเข็ม 4 คนที่ฉีดเข็ม 4 มาแล้วสักระยะ กระทรวงจะสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจระดับภูมิคุ้มกันคนที่ฉีดเข็มที 4 แล้วก็จะมีการพิจารณาฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มต่อไป ย้ำว่าวัคซีนจะเตรียมมาให้จนกว่าเราจะชนะโควิด 19 

นายอนุทิน ยังกล่าวว่า สำหรับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นเป็นโครงการที่ดีไม่มีใครลืมคนคิดค้นระบบนี้ ตนก็ไม่ลืม เพราะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ประเทศไทยได้รับ กระทรวงยุคนี้ รัฐบาลชุดนี้เราไม่มีทางด้อยค่าระบบสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่จะต่อยอดสิ่งที่เป็นประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายประชาชนน้อยที่สุด คนไทยต้องไม่ล้มละลายจากการรักษาสุขภาพของตัวเอง เช่น มะเร็งรักษาทุกที่ ฟอกไตฟรี บัตรทองรักษาทุกรพ. ทุกเป็นเป็นวีไอพี  ทั้งนี้ได้ขอให้มีการสรุปค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบกันแล้ว แต่ท่านทั้งหลายอย่าพูดถึงแต่เรื่องเงิน แต่ควรพูดถึงโอกาสที่ได้จากการมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย เมื่อสร้างรายได้ก็เสียภาษีให้ประเทศทุกวงจร ดังนั้นสิ่งที่ราต้องทำคือทำให้ประชากรของประเทศมีสุขภาพ สุขภาวะที่ดี นี่คือสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้และกระทรวงสาธารณสุขทำ เรารับนโยบายอะไรมาทำทุกเรื่อง รวมถึงพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ....ก็กำลังจะบรรจุเข้าสภา

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org