ที่ประชุมศบค.พิจารณามาตรการรองรับโควิดพุ่ง! คาดตัวเลขเป็นหมื่นราย เร็วสุดปลายเดือนนี้ พร้อมปรับพื้นที่ควบคุมสีส้มเป็น 69 จังหวัด พื้นที่ท่องเที่ยว 8 จ. มีผล 9 ม.ค.65 ยังไม่ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด แต่มีข้อแนะนำไม่จำเป็นอย่าไป ส่วนร้านอาหารร้านเหล้าพื้นที่ท่องเที่ยวให้ขายสุราในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม และให้ WFH ถึงสิ้นเดือนม.ค.นี้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 ม.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงข่าวหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่้วโลกผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น และสะท้อนกับของประเทศก็เช่นกัน โดยไทยวันนี้ติดเชื้อรายใหม่ 7,526 ราย สะสมกว่า 2.2 ล้านคน เสียชีวิตวันนี้ 19 คน สะสมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 0.98% ยังต่ำกว่าสถานการณ์โลก ขณะที่ยังรักษาในรพ. โดยอาการหนัก 547 ราย ใส่ท่อหายใจ 140 ราย ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19เกิน 105 ล้านเข็มแล้ว

ทั้งนี้  ภาพการคาดการณ์ของประเทศเราอยู่ในเส้นกราฟสีเทา โดยหากปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการติดเชื้อจะพบผู้ป่วยถึง 3 หมื่นรายประมาณเดือนหน้า หรืออาจไม่ถึงเดือนหน้าด้วยซ้ำ ปลายเดือนอาจถึงหลักหลายหมื่น ตรงนี้ท่านนายกฯ ในฐานะผอ.ศบค. มีความห่วงใยมาก และประชุมเมื่อเช้านานพอสมควร เพื่อหาทางรับมือเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม แต่เรื่องการเสียชีวิตถือว่ายังน้อย ซึ่งทำให้รู้ว่าลักษณะของโอมิครอน ไม่ได้รุนแรงเท่าเดลตา
สำหรับภาพกราฟของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้เห็นภาพระลอกการระบาดตั้งแต่ม.ค.2563 มาจนระลอกเดือนธ.ค. 2563 และระลอกเดือนเม.ย. 2564 และขณะนี้กำลังขยับมาระลอก 4 คือ ม.ค. 2565 ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีระบบเตือนภัยโควิด และได้ยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 4 

"ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอ ศบค.ขอปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยยกระดับทั้งประเทศให้เป็นพื้นที่สีส้ม   แบ่งเป็นพื้นที่สีส้มที่เป็นพื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด และพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) 8 จังหวัด คือ กทม. กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี พังงา ภูเก็ต (จังหวัดอื่นๆดำเนินการบางพื้นที่มี 18 จังหวัด)  โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9  ม.ค.2565 เป็นต้นไป" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ทั้งนี้ ในเรื่องการดื่ม ครั้งนี้เป็นสาเหตุของการแพร่กระจายของโควิด ซึ่งเป็นข้อถกเถียงในการประชุมว่า การผ่อนคลาย เรื่องการดื่มต้องมีมาตรการควบคุมให้มากที่สุด เพื่อตัดช่องทางการแพร่ระบาดได้ 

0 ขยาย WFH ถึงสิ้นเดือน ม.ค. 65 และร้านอาหารพื้นที่ท่องเที่ยวขายสุราในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม

ส่วนข้อเสนอการปรับมาตรการป้องกันโควิดมีอีก 3 ข้อย่อย คือ 1. การขยาย Work From Home ขยายไปจนถึง 31 ม.ค.2565  และการปรับมาตรการสถานบันเทิง อย่างการสอบสวนโรคช่วงก่อนและหลังปีใหม่ที่ผ่านมา พบว่า สถานบันเทิงที่มีการปรับเป็นร้านอาหาร แต่กลับจำหน่ายสุรา ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามมาตรการจนมีการแพร่กระจายเชื้อ ดังนั้น เดิมจะมีการทบทวนเปิดสถานบันเทิง จึงจำเป็นต้องขอเลื่อนออกไปก่อน ยังเปิดไม่ได้ตอนนี้  แต่สิ่งที่ท่านสามารถปรับรูปแบบคือ เปลี่ยนเป็นร้านอาหารได้ แต่ต้องทำตามมาตรการจริงๆ และต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร ส่วนพื้นที่ท่องเที่ยวที่ให้เหมือนสีเขียว ดื่มสุราได้ขอจำกัดเวลาไม่เกิน 21.00 น. แต่ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2Plus เท่านั้น กรณีไม่ดำเนินการต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย

2.มอบหมายให้ตามคำสั่ง ศบค.ฉบับที่ 15 หน่วยงานเกี่ยวข้องต่างๆ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกทม. ให้มีการตรวจประเมินสถานบันเทิงอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้  ส่วนสถานที่ กิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่สีส้มส่วนใหญ่เปิดได้ แต่จะมีเงื่อนไขในการปฏิบัติตามมาตรการ 

3.ส่วนเรื่องการปรับมาตรการป้องกันโรคในเรื่องการเดินทางเข้าราชอาณาจักร อย่างการนำเข้านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จะเห็นว่าต้นปี ม.ค.-มิ.ย.2564 เข้ามาประมาณกว่า 4 หมื่นคน จากนั้นเมื่อเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว เดือนก.ค.เข้ามา 1.8 หมื่นคน เดือน ส.ค. 1.5 หมื่นคน กระทั่งเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวเทสต์แอนด์โกช่วงเดือน พ.ย. ถึงธ.ค. เข้ามาเป็นแสนราย รวมแล้วปี 2564 มีถึง 416,160 คน ส่วนข้อมูลวันที่ 1-5 ม.ค. 2565 เข้ามาแล้วกว่า 2.6 หมื่นคน  แม้ตรงนี้จะนำเงินเข้าประเทศพอสมควร แต่มีข้อสังเกตว่า ระบบเทสต์แอนด์โกมีคนติดเชื้อเข้ามาพอสมควร จึงต้องชะลอลงทะเบียนเพิ่มเติม ซึ่งข้อมูลพบว่า ผู้เดินทางจริงประมาณร้อยละ 30 ของผู้ได้รับอนุมัติเข้าไทย  

***** ข้อสรุปในที่ประชุม 1.ยกเลิกกลุ่มประเทศเสี่ยงที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เพราะไม่ได้มาจากแอฟริกาอย่างเดียว แต่มาได้ทุกที่แล้ว  ส่วนกรณีแซนด์บ็อกซ์ เดิมมีแค่ภูเก็ต ซึ่งเมื่อลงไปที่เดียวจะส่งผลต่อทรัพยากรไม่เพียงพอ ที่ประชุมจึงเห็นชอบเพิ่มอีก 3 จังหวัดให้เป็นแซนด์บ็อกซ์ คือ สุราษฎร์ธานี(เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) พังงา ทั้งจังหวัด และกระบี่ทั้งจังหวัด 

2.พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ยังดำเนินการเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว โดยใช้มาตรการป้องกันควบคุมโรคเช่นเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวัง แต่เพิ่มมาตรการสำหรับการบริโภคสุราในร้านอาหารถึงเวลา 21.00 น.  3.ส่วนที่จะขอเพิ่มพื้นที่นำร่องเพิ่มเติมอีก 5 จังหวัดนั้น ยังไม่มีการพิจารณา ขอเลื่อนไปก่อน

"ในเรื่องเทสต์แอนด์โก ยังเป็นช่องว่างของเชื้อโรคที่จะเข้ามาได้ จึงต้องขอระงับไปก่อน ยกเว้นผู้ที่ได้รับอนุมัติแล้วและเดินทางเข้ามาก่อนวันที่ 15 ม.ค.2565 ซึ่งผู้ที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 7-15 ม.ค. มีจำนวนกว่าหมื่นคน ตรงนี้เรายังรับได้" โฆษก ศบค. กล่าว

 

0 แผนวัคซีนโควิดปี 65 เป้าหมายฉีด ม.ค. 9.3 ล้านโดส

4.แผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19ของปี 2565 ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคเสนอแผนโดยมี 3 เป้าหมาย ดังนี้ 1.1 ผู้ที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปยังไม่เคยรับวัคซีน สามารถเข้ารับการฉีดแบบวอล์กอินได้ ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร  1.2 ผุ้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือผู้ที่เคยติดเชื้อทุกรายจะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางกระทรวงสาะารณสุข และ 1.3 กลุ่มเป้าหมายอายุ 5-12 ปีสามารถรับฉีดวัคซ๊นได้ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง

ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรังนั้น ตามมติที่ประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้ 

- หากฉีดวัคซีนเข็มที่ 1-2 เป็นซิโนแวคกับซิโนแวค และเข็ม 3 เป็นแอสตร้าฯ ให้เข็ม 4 เลือกเป็นแอสตร้า หรือ ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็ม 3
- หากฉีดวัคซีนเข็มที่ 1-2 เป็นซิโนแวคกับซิโนแวค และเข็ม 3 เป็นไฟเซอร์ ให้เข็ม 4 เลือกเป็นไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นาได้ ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็มที่ 3 

ขณะเดียวกันมีข้อเรียกร้องขนาดไม่มาก ฉีดใต้ผิวหนังได้หรือไม่ มีหมายเหตุว่า สามารถให้ได้ แต่ดุลยพินิจของแพทย์ และผู้รับวัคซีนต้องสมัครใจ ซึ่งตรงนี้เปิดกว้างขึ้นให้สามารถเลือกได้

"สำหรับเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิดในเดือนม.ค.นี้ ประมาณ 9.3 ล้านคน มีเข็ม 1 เข็ม 2 เข็ม 3 และเข็ม 4 ซึ่งมีวัคซีนต่างๆเตรียมไว้ ส่วนเรื่องยาต้านไวรัสแพ็กซ์โลวิดสำหรับผู้อาการไม่มากเล็กน้อยจนถึงปานกลางนั้น ได้ขออนุมัติการจัดซื้อกับ ศบค.ไว้ 5 หมื่นชุด โดยท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการสธ. บอกว่าเป็นการนำมาเสริมกับยาหลักคือ ฟาวิพิราเวียร์ ท่านนายกฯได้อนุมัติให้ใช้เงินกู้มาซื้อ" โฆษก ศบค. กล่าว

 

00 ย้ำไม่บังคับงดเดินทาง ไม่มีมติข้อกำหนดห้ามใดๆยกเว้นผับ บาร์ คาราโอเกะยังไม่เปิด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงความจำเป็นว่า ต้องงดการเดินทางหรือไม่ ว่า การยกระดับถึงระดับที่ 4 ที่อาจมีเรื่องการงดการเดินทางนั้น จริงๆ เป็นข้อแนะนำ เครื่องบิน รถโดยสารสาธารณะยังไม่หยุด เพียงแต่กระทรวงสาธารณสุขเตือนว่า ไม่จำเป็นอย่าออกไป ส่วนเรื่องข้อกำหนด หรือคำสั่งทางกฎหมาย ในวันนี้ ศบค. ไม่ได้มีคำสั่งใดๆออกมา ยกเว้นเรื่องผับ บาร์ คาราโอเกะ การเดินทางยังเหมือนเดิม แต่ขอให้ยึดคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข 

*********************

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org