ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยผลตรวจเชื้อล่าสุดไทยพบติด “โอไมครอน” 3 ราย รอยืนยัน 1 ราย ด้านอธิบดีฯ ย้ำได้ตัวอย่างเชื้อเตรียมเพาะเชื้อห้องแล็บ ก่อนนำมาเทสภูมิคุ้มกันคนไทยต่อวัคซีนโควิดสูตรต่างๆที่ใช้ในประเทศ ภูมิฯขึ้นแค่ไหนกับโอไมครอน

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการเฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ว่า ตั้งแต่มีการระบาดโควิด-19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเครือข่าย ได้เฝ้าระวังการตรวจรหัสพันธุกรรมมาโดยตลอด แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ ตรวจด้วยวิธี สนิปส์ (single nucleotide polymorphisms : SNPs) ซึ่งเป็นการตรวจเฉพาะตำแหน่งยีน เพื่อดูสายพันธุ์เบื้องต้น เช่น เดลตา เบตา อัลฟา และตรวจด้วย whole genome sequencing ซึ่งเป็นการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว เพื่อยืนยันอีกครั้ง ดังนั้น เราจึงตรวจ 2 วิธีแต่ไม่จำเป็นต้องตรวจด้วยจีโนมทั้งตัวยืนยันในทุกราย

“สำหรับการตรวจสะสมตั้งแต่ 1 พ.ย.-ถึง 7 ธ.ค.64 ทั้งผู้เดินทางจากต่างประเทศ และคนในประเทศ รวม 1,645ตัวอย่าง เจอเดลต้า เกือบทั้งหมดจำนวน 1,641 ตัวอย่าง ยกเว้น 4 รายเป็นโอไมครอน” นพ.ศุภกิจ กล่าว และว่า สำหรับการตรวจเชื้อ 1 พันกว่าตัวอย่างกรณีในประเทศจะเลือกมาจากกลุ่มเสี่ยงต่างๆ อาทิ กลุ่มคนมีอาการหนักตามแนวชายแดน คลัสเตอร์น่าสงสัย ผู้รับวัคซีนครบโดสแล้วแต่ยังติดเชื้อ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อซ้ำ

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 6 ธ.ค.64 เราได้ตัวอย่างมา 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่ UN เราทราบจากข้อมูลแล็บเบื้องต้น เป็นผู้เดินทางจาก ดีอาร์ คองโก เข้าไทยผ่านระบบไม่กักตัว(Test and go) มีประวัติรับวัคซีนแอสตร้าฯ 2 เข็ม ซึ่งตรวจเบื้องต้น วินิจฉัยขณะนี้ว่ามีโอกาสเป็นโอไมครอนอีก 1 ราย นับเป็นรายที่ 4 ที่ประเทศไทยตรวจพบ

"สรุปไทยมีคอนเฟิร์มโอไมครอน 3 รายเป็นชาวอเมริกัน 1 รายและเป็นหญิงไทย 2 รายที่เดินทางจากประเทศไนจีเรีย ส่วนรายที่ 4 เป็นชายไทย เดินทางมาจากต่างประเทศ ย้ำว่ายังไม่พบเคสที่เกิดขึ้นในประเทศ ขณะนี้ผลตรวจรายที่ 4 เบื้องต้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นโอไมครอน ซึ่งต้องรอผลการตรวจยืนยันอีกครั้ง และทางกรมควบคุมโรคกำลังสอบสวนติดตามผู้สัมผัส" นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าโอไมครอนมีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อย เป็น BA 2 หรือโอไมครอนไลค์ แล้วตีเนียนว่า S ยีนหายไปบางส่วน ซึ่งเป็นตัวที่เราเอามาตรวจวิเคราะห์นั้น แต่ปรากฏว่า S ยีนมันกลับมานั้น ทำให้มีข้อสงสัยว่าเป็นการหลอกทำให้ตรวจไม่เจอหรือไม่ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่สามารถหลอกได้ เรายังสามารถตรวจเจอได้ เพราะขณะนี้ในการตรวจตำแหน่งเฉพาะของยีนส์ มีการตรวจหลายตำแหน่ง คือ HV 69-70 deletion ตำแหน่ง K 417N ตำแหน่ง L452R ตำแหน่ง T478K และตำแหน่ง N501Y เพราะฉะนั้น 4 ราย ที่มีการตรวจเบื้องต้นเป็นโอไมครอน ก็ตรวจจากตรงนี้ จึงเนียนไม่ได้ ยกเว้นว่าจะมีการกลายพันธุ์จนเป็นคนละเรื่องก็ต้องมาพิจารณาสูตรการตรวจกันใหม่ ทั้งนี้ ATK ยังตรวจเจอได้ แต่ต้องเก็บให้ถูกต้อง

“ขออย่าวิตกกังวลมาก เพราะถึงอย่างไรเชื้อก็ไปทั่วโลก วันนี้มี 4 รายที่เราสุ่มเฝ้าระวัง ถือว่าน้อยมาก แต่สัดส่วนอาจจะมีเพิ่มขึ้นได้ แต่ข่าวดีคือเขาไม่ค่อยรุนแรงนัก ยังไม่มีใครเสียชีวิต ดังนั้นอีกด้านหนึ่งอาจจะเป็นมุมที่ดี แต่ข้อมูลบางคนบอกว่ามีการหลบวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม 40 เท่า แต่หากดูข้อมูล จะเห็นว่าจำนวนตัวอย่างเพียง 6 ราย จะเอาเพียงข้อมูลนี้มาบอกทั้งหมดถือว่ายังไม่มีนัยยะสำคัญ แต่มาตรการพื้นฐาน และวัคซีนยังเป็นเกราะป้องกันได้อยู่” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีน้ำยาเฉพาะสำหรับตรวจโอไมครอน นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า น้ำยาเฉพาะจะทำให้ตรวจง่ายขึ้น ตรวจเพียงครั้งเดียว แต่ด้วยวันนี้เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก วัตถุดิบบางอย่างเราไม่ได้สามารถผลิตเองทั้งหมด คิวก็ยาว แต่เราก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะตอนนี้เราสามารถตรวจสนิปหลายตำแหน่ง ก็ทำให้เจอสายพันธุ์โอไมครอนได้เช่นกัน จึงไม่ได้มีปัญหา

เมื่อถามถึงอาการของโอไมครอนอัปเดต นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลหลายสายตรงกันว่า อาการค่อนข้างไม่รุนแรง จนมีบางคนพูดในเชิงบวกว่า อาจใกล้จบ สุดท้ายจะแพร่เร็วและอาการเหมือนไข้หวัด แต่เราคงเชื่อไปทางซ้ายหรือขวาทีเดียวไม่ได้ ต้องไม่ประมาท ต้องดำเนินการเต็มที่ก่อน

“ เราเริ่มได้ตัวอย่างมาเพาะเชื้อแล้ว ดังนั้น เมื่อได้เชื้อเป็นๆ เราก็จะนำมาเทสกับภูมิคุ้มกันคนไทย ว่าคนที่ฉีดวัคซีนสูตรอะไรก็ตาม ตกลงจัดการกับเชื้อโอไมครอนได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอนิดหนึ่ง การเพาะเชื้อต้องใช้เวลา และเชื้ออันตรายการจัดการต้องดี ทั้งนี้ จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายคุมเข้มตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด อย่างชายแดนพรมแดนธรรมชาติ ก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาทั้งหมด แต่เราไม่ได้ตรวจแค่คนต่างประเทศ อย่างที่ผ่านมาเราตรวจคนไทยคนในประเทศด้วยประมาณ 1 พันกว่าราย ซึ่งหากพบก็จะควบคุมได้ แต่ตอนนี้ยังไม่พบ พบยืนยัน 3 ราย และรอผลชัดเจนอีก 1 ราย เรียกว่า เป็น 4 ใน 100 รายสำหรับคนต่างชาติ ส่วนคนไทยยังไม่พบเชื้อโอไมครอน