“อนุทิน” ชี้บุคลากรสธ.เครียดจากปฏิบัติงานโควิด สร้างขวัญกำลังใจเดินหน้าบรรจุขรก. ปัดตอบชัด! จะทันเป็นของขวัญปีใหม่ หรือไม่ ย้ำเพียงบรรจุข้าราชการโควิดรอบใหม่หรือไม่ ช่วยสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร การทำงานโควิด ไม่ได้มีการตอบแทนเป็นเคสๆ หากทำได้ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เดือดร้อนงบประมาณ เศรษฐกิจ ก็พร้อมทำ

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานในช่วงโควิด19 ซึ่งส่วนหนึ่งมีปัญหาสุขภาพจิต เกิดความเครียดในการปฏิบัติงาน ว่า ความเครียดจากการปฏิบัติงานช่วงโควิดของบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดหาเวชภัณฑ์ อุปกรณ์เสริมสร้างความปลอดภัยต่างๆ และวัคซีน นี่คือเหตุผลให้บุคลากรทางการแพทย์ เป็นกลุ่มแรกที่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด เนื่องจากหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ ป่วยไม่ได้ จึงต้องอยู่ในสถานที่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรายังมีการสร้างขวัญกำลังใจให้พวกเขา อย่างการบรรจุข้าราชการ ให้มีอัตราที่เขาจะได้ไม่ต้องคิดถึงทางเลือกอื่นๆ ยังมีค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัยต่างๆ ของบุคลากรด่านหน้า ซึ่งไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่ และเมื่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เริ่มเห็นว่า การฉีดวัคซีนกระจายมากขึ้น ผู้คนป่วยน้อยลง เสียชีวิตน้อยลง อัตราการติดเชื้ออยู่ในสภาวะควบคุมได้ พวกเขาก็จะรู้สึกว่า เป็นส่วนหนึ่งในสภาวะเช่นนี้ ก็จะทำให้ภาคภูมิใจ และมีกำลังใจในการดูแลพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่าการบรรจุข้าราชการปฏิบัติงานโควิดรอบใหม่จะแล้วเสร็จเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ได้หรือไม่...

“ผมว่า เราไม่ได้ทำงานเพื่อตอบแทนเป็นเคสๆ ทุกครั้งที่เราสามารถเพิ่มความเอาใจใส่บุคลากรของเรา โดยไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เดือดร้อนงบประมาณ เศรษฐกิจ เราก็พร้อมทำทุกอย่าง จริงๆ หน้าที่ของพวกเราทุกคน ในความเป็นข้าราชการ เรามีหน้าที่พึงปฏิบัติทุกวันอยู่แล้ว ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลชีวิต สิ่งที่รัฐบาลได้เห็นความทุ่มเท และมีโอกาสก็จะหาวิธีการตอบแทน ซึ่งเราก็ทำอย่างสม่ำเสมอ” นายอนุทิน กล่าว

 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สธ.เสนอ ก.พ.ขอบรรจุ ขรก.โควิดรอบสอง พร้อมแจงกรณีถ่ายโอนรพ.สต.มีสิทธิ์ได้บรรจุหรือไม่)

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org