รองนายกฯ-รมว.สธ. เผยแผนฉีดวัคซีนโควิด 100 ล้านโดสในปี 64 ยังเดินหน้าต่อเนื่อง แต่ไม่ออกมาตรการบังคับ หรือสร้างแรงจูงใจ เพราะเป็นเรื่องจิตสำนึกสร้างความปลอดภัยของตัวเอง แต่สังคมเป็นคนกำหนด อาจออกมาตรการของแต่ละแห่ง เช่น ร้านอาหารจัดโซนเฉพาะคนไม่ฉีด หรืออนาคตการสมัครงานอาจเป็นเงื่อนไขสำคัญ รับหรือไม่รับคนเข้าทำงาน

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 100 ล้านโดสปี 2564 ว่า การฉีดวัคซีนวันนี้เราฉีดได้กว่า 70 % ซึ่งเป็นระดับที่จะสร้างความปลอดภัยได้ แต่ก็ไม่ได้หยุดฉีดยังมีการเดินหน้าฉีด ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส ในปีนี้ 100 % อย่างไรก็ตาม ในส่วนแผนการฉีดที่เหลือจากนี้ไปจนถึงเป้าหมายนั้นคงไม่ได้จะไปออกมาตรการบังคับ หรือต้องไปสร้างแรงจูงใจอะไร แต่ใช้เรื่องของจิตสำนึกในการสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง และความปลอดภัยให้กับสังคมโดยรวม

“เรื่องนี้สังคมก็จะเป็นคนกำหนดเอง เช่น หากคนที่ฉีดวัคซีนครบไปนั่งรับประทานอาหารในร้านค้าแห่งหนึ่ง แล้วมีคนไม่ฉีดวัคซีนไปใช้บริการด้วย ทางร้านอาจจะจัดที่นั่งให้เฉพาะ หรือเขาก็อาจจะปฏิเสธไม่ให้บริการ หรือแม้แต่การสมัครงานจากนี้อาจจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรับ หรือไม่รับเข้าทำงานก็ได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้คนเราคบค้าสมาคมด้วยเกิดความสบายใจ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่กระทรวงทำคือการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนมาฉีดวัคซีน และในส่วนของผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง พื้นที่ห่างไกล เราก็มีการจัดรถโมบายไปฉีดให้ เรื่องการของจูงใจ หรือให้รางวัลเพื่อให้ฉีดวัคซีนคงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เราต้องแคร์ตัวเอง แคร์คนรอบข้าง การให้รางวัลตัวเองคือการฉีดวัคซีน

รองนายกฯ และรมว.สธ. กล่าวต่อว่า สำหรับเทศกาลลอยกระทงนี้ก็ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรค สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ไม่รวมกลุ่มใหญ่ ประกอบกับเมื่อมีการฉีดวัคซีนแล้วก็จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อลงได้มาก ซึ่งที่ผ่านมาคนที่ฉีดวัคซีนแล้วส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ไม่เสียชีวิต เทศกาลไม่ต้องเน้นเฮฮาก็ได้ แต่ยึดหลักการประเพณีคือการตั้งจิตอธิษฐานขอขมาต่อพระแม่คงคา และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต