ครม.อนุมัติงบ 9,372 ล้านบาท ซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส สั่งเพิ่มอีก 10 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดส และยังเห็นชอบกรณีแลกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไทย-ภูฏาน 1.5 แสนโดส และรับบริจาคยาจากเยอรมัน 2,000 ชุด

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก กวาง ไตรศุลี ไตรสรณกุล ว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินจำนวน 9,372 ล้านบาท สำหรับการจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ จำนวน 20,001,150 โดส ช่วงระยะเดือน ส.ค.-ธ.ค. 2564 และยังรับทราบการจัดสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส พร้อมมอบให้กรมควบคุมโรค ได้ลงนามกับผู้แทนบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดและไบออนเทค ทำให้การจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA เพิ่มจำนวนเป็น 30 ล้านโดส ซึ่งจะเริ่มทยอยจัดส่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 นี้

พร้อมกันนี้ ครม.ยังเห็นชอบการลงนามระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด ซึ่งเป็นการรับมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จำนวน 130,000-150,000 โดส แก่ประเทศไทย โดยเป็นวัคซีนที่ผลิตโดย Statens Serum Institute ประเทศสวีเดน บนพื้นฐานของการส่งมอบคืนในอนาคต ตามข้อตกลงไตรภาคี ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด

อีกทั้ง ครม. เห็นชอบในการลงนามระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมัน กับ กระทรวงสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นการรับบริจาคยา Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จากเยอรมันของบริษัท Regeneron จำนวน 1,000-2,000 ชุด โดยเป็นการบริจาคแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยประเทศไทยในฐานะผู้รับบริจาค ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนสำหรับยา แต่มีภาระในการรับมอบจาก Bundeswehrapotheke (Military pharmacy) Epe และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้แก่ ค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บ