สถานการณ์โควิดต่างจังหวัดแนวโน้มยังเพิ่มต่อเนื่อง ยิ่งพบเดินทางกลับโดยไม่มีการประสานเข้าระบบรักษาล่วงหน้า คิดว่าตัวเองไม่ป่วย ทำกิจกรรมทั้งไปตลาด ชุมชน เสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ ย้ำอีก 2 สัปดาห์หากเข้มมาตรการป้องกันตัวเอง ทั้งงดรับเชื้อ งดแพร่เชื้อ สวมหน้ากากอนามัย เร่งพาผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังฉีดวัคซีน น่าจะดีขึ้น
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อในต่างจังหวัดอีก 2 สัปดาห์จะเป็นอย่างไร ว่า ในส่วนของต่างจังหวัด ณ ขณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 3 ส่วน โดยส่วนแรก ผู้ติดเชื้อเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ระบาด กรุงเทพ ปริมณฑล ชลบุรี อยุธยา หรือรอบๆข้าง โดยเดินทางกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา อย่างเดินทางกลับไปภาคอีสาน ภาคเหนือตอนล่าง มีจังหวัดต่างๆรับผู้ติดเชื้อไปรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มนี้หากมีการติดต่อประสานงานล่วงหน้าไปรพ.ก่อน ก็จะลดการแพร่เชื้อลงได้
ส่วนที่สอง กลุ่มที่เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้ โดยไม่มีการประสานล่วงหน้า หรือกับทางรพ. คิดว่าตัวเองอาจไม่ติดเชื้อ หรือไม่มีความเสี่ยง แต่จริงๆอาจมีความเสี่ยง อาจติดเชื้อแล้วแต่ไม่มีอาการ ไม่ทราบมาก่อนว่าติดเชื้อ แต่ไปแพร่เชื้อคนที่บ้าน ยิ่งผู้สูงอายุก็จะทำให้อาการหนักได้ ส่วนที่สาม ภายในจังหวัดเองที่มีโรงงาน สถานประกอบการค่อนข้างมาก มีคนติดเชื้ออยู่ตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่สองที่ไปมาหาสู่ในตลาด ในชุมชน ก็ทำให้แพร่เชื้อได้หมด ดังนั้น 3 ส่วนนี้ต้องควบคุมการแพร่เชื้อให้ได้ โดยคนที่เดินทางไปต่างจังหวัด หรือกลับภูมิลำเนา หรือไปทำธุรกิจในพื้นที่ระบาดหนัก ต้องคิดเสมอว่าเรามีความเสี่ยง และต้องปฏิบัติตัวป้องกันอย่างเข้มงวด เพื่อลดการแพร่เชื้อ ลดการติดเชื้อได้
“สถานการณ์ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า แม้ตอนคาดการณ์อาจถึงจุดเยอะสุด แต่หากเราป้องกันตัวเองดี ดูแลคนในครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อ ก็จะไม่เห็นสถานการณ์แบบนั้น แต่นั่นหมายความว่า เราต้องป้องกันตัวเอง คนในครอบครัว เร่งฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ รีบคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายไปฉีดวัคซีน รวมถึงผู้มีโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ ดังนั้น จึงของดรับเชื้อ งดแพร่เชื้อ สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง อยู่ในบ้านลดการทานข้าวร่วมกัน การทำกิจกรรมร่วมกันโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย” นพ.จักรรัฐ กล่าว
ข่าวเกี่ยวข้อง : เปิดผลตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) เป็นบวก 6,026 ราย ทั่วประเทศ - เสียชีวิตทะลุ 200 คน
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 7 views