ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ภาคประชาสังคมหนุน อภ. เดินหน้าผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ให้ รพ. ฟื้นวิกฤตโควิด แม้บริษัทผลิตยา ยื่นอุทธรณ์

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2564  โครงการรณรงค์การเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์  ส่งข้อมูลให้แก่สื่อมวลชน กรณีการตรวจสอบผ่านระบบฐานข้อมูลของกรมทรัพย์สินทางปัญญา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์พบว่า บริษัทยายื่นคำอุทธรณ์กรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่มีคำสั่งยกคำขอรับสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ เลขที่ 1101001988 เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2564

โดยเมื่อ 17 ก.ค. 2563 มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ยื่นข้อมูลเพี่อประกอบการพิจารณาคำขอรับสิทธิบัตรฉบับนี้ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา และขอให้กรมฯ ยก (ปฏิเสธ) คำขอฯ เพราะคำขอฯ ดังกล่าวไม่มีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้นและไม่ควรได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตร  ต่อมาในเดือน ม.ค. 2564 ผู้แทนภาคประชาสังคมได้เข้าพบอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และแสดงความกังวลว่าประเทศจำเป็นที่ต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์จำนวนมากในสถานการณ์การระบาดโควิด 19  จนเมื่อเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ในเดือน เม.ย. ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ภาคประชาสังคมรณรงค์เรียกร้องให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งพิจารณาและยกคำขอฯ และสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรมนำเข้าและผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด 19 ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง  กรมทรัพย์สินทางปัญญามีคำตัดสินเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2564 ให้ยกคำขอรับสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์

หลังจากที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ยกคำขอฯ องค์การเภสัชกรรมได้นำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ที่เป็นยาชื่อสามัญมาจากอินเดียในราคาที่ถูกว่ายาต้นแบบของบริษัทฟูจิฯ ถึง 50% และเร่งวิจัยการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์เอง เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติการขึ้นทะเบียนยาให้กับยาฟาวิพิราเวียร์ที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม และองค์การเภสัชฯ พร้อมส่งยาฟาวิฯ ที่ผลิตเองให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในเดือนสิงหาคมนี้

นอกจากนี้ ภาคประชาสังคมเตรียมยื่นข้อมูลเพื่อให้กรมฯ พิจารณาและยกคำขอรับสิทธิบัตรยาเรมดิซิเวียร์ ซึ่งเป็นยาสำคัญอีกชนิดที่ใช้รักษาโควิด 19 และกำลังจะขาดแคลน  บริษัทยาในประเทศสามารถผลิตยานี้ได้ ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องสิทธิบัตร

ประเด็นที่ภาคประชาสังคมฯ เป็นกังวลที่สุด คือการแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิโดยรัฐ (มาตรการซีแอล) ที่เป็นเครื่องมือสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในการแก้ไขปัญหาการเข้าไม่ถึงยา เพราะการผูกขาดด้วยการจดสิทธิบัตรที่ทำให้ไม่มีการแข่งขันและยาราคาแพง  ในร่าง พ.ร.บ. สิทธิบัตรฉบับแก้ไขที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมยื่นให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ได้เสนอให้คำสั่งการใช้สิทธิโดยรัฐที่ออกโดยกระทรวง ทบวง และกรม ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกชั้นหนึ่งก่อน  นอกจากนี้ เมื่อประกาศการใช้มาตรการซีแอลไปแล้ว บริษัทยาที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรสามารถยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับหรือยกเลิกคำสั่งประกาศใช้ซีแอลได้อีกด้วย

ในอดีตมาตรการซีแอลช่วยให้ประเทศไทยนำเข้ายาชื่อสามัญสำหรับรักษาเอชไอวี โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคมะเร็งในราคาที่ถูกกว่ายาที่ติดสิทธิบัตร 70-90% และทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศจ่ายยาดังกล่าวให้ผู้ป่วยนับแสนคนผ่านการบริการของโรงพยาบาลต่างๆ ได้ ถ้ามาตรการซีแอลถูกแก้ไขตามที่กรมฯ กำลังจะเสนอ ประเทศไทยอาจไม่มีโอกาสได้ใช้มาตรการซีแอลอีกเลยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤตด้านสุขภาพอย่างโควิด 19

ภาคประชาสังคมต้องการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาแก้ไขถ้อยความในมาตราที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิโดยรัฐ (มาตรการซีแอล) ในร่าง พ.ร.บ. สิทธิบัตรฉบับแก้ไข โดยตัดการที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและการอนุญาติให้ผู้ทรงสิทธิบัตรฟ้องศาลให้ระงับหรือยกเลิกคำสั่งการใช้สิทธิโดยรัฐออกทั้งหมด และควรเพิ่มหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกระทรวง ทบวง กรมให้สามารถประกาศใช้ซีแอลได้ด้วย รวมไปถึงการต้องไม่แก้ไขให้มีการขอจดสิทธิบัตรในเรื่องการบำบัดรักษาและการป้องกันโรคได้

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org