กระทรวงสาธารณสุขเผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพประชาชาชนรอบล่าสุด ภาพรวมคนไทยยกการ์ดสูงเท่าการระบาดระลอกแรก ให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากอนามัยสูงถึงร้อยละ 94.8 รวมถึงทุกกลุ่มอายุมีความต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้น ส่วนข้อมูลผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนล่าสุดถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ฉีดไปแล้ว 7,483,083 โดส
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้การฉีดวัคซีนโควิดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดการป่วยรุนแรง และการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เตรียมพร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ และกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้ประชาชนได้กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด ตั้งเป้าหมายจัดหาวัคซีนสำหรับฉีดให้คนในประเทศกว่า 100 ล้านโดสภายในปี 2564 โดยเริ่มฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนเสี่ยงกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 และเริ่มฉีดอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ฉีดวัคซีนไปแล้ว 7,483,083 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 5,434,119 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 2,048,964 ราย
“จากการสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนโควิด 19 ล่าสุด 16 – 31 พฤษภาคม 2564 พบว่าทั้งกลุ่มอายุ 15-59 ปี และกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป มีความต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 65 -75 จึงขอให้มาฉีดวัคซีนช่วยชาติ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับประเทศ เปิดประเทศเมื่อทุกคนปลอดภัย ย้ำว่าแม้จะฉีดวัคซีนแล้วยังมีโอกาสติดเชื้อได้ ทุกคนยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ที่สำคัญคือ พฤติกรรมส่วนบุคคลที่ดี เช่น การใช้ช้อนกลางส่วนตัว ระวังการสัมผัสบริเวณพื้นผิวต่าง ๆ” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้เปิดเผย ผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพประชาชน และความต้องการวัคซีนในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับองค์การอนามัยโลก สํานักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 25,265 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 16 - 31 พฤษภาคม 2564 พบว่า การระบาดของโรคโควิด 19 ในระลอก 1 เมษายน ที่มาจากคลัสเตอร์สถานบันเทิง ทำให้คนไทยส่วนใหญ่กลับมา มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้นเท่ากับช่วงการแพร่ระบาดในระลอกแรก คือ ร้อยละ 85.4 ให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากอนามัยสูงถึงร้อยละ 94.8
รองลงมาคือ การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 88.8 กินอาหารร้อนใช้ช้อนกลางส่วนตัวร้อยละ 87.9 และระวังตนเองไม่อยู่ใกล้ชิดคนอื่นร้อยละ 83 รวมถึงมีการรวมกลุ่มทางสังคมและเดินทางออกต่างจังหวัดลดลง ในส่วนผลสำรวจเกี่ยวกับความต้องการฉีดวัคซีนโควิด 19 พบว่าโดยเฉลี่ยคนไทยในกลุ่มอายุ 15-59 ปี และกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มความต้องการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 65 - 75 มีผู้ที่ตั้งใจอยากฉีดวัคซีน ร้อยละ 56 และเปลี่ยนใจจากเดิมไม่ต้องการฉีดเป็นต้องการฉีด ร้อยละ 21.7 ตั้งใจไม่ฉีดร้อยละ 13.6 และเปลี่ยนใจจากเดิมต้องการฉีดเป็นไม่ต้องการฉีดร้อยละ 8.7
- 12 views