31 พฤษภาคมวันงดสูบบุหรี่โลก องค์การอนามัยโลก เชิญชวนผู้สูบบุหรี่ตัดสินใจเลิกสูบ ช่วงโควิดระบาด เผยข้อมูลคนสูบบุหรี่ เสี่ยงติดโควิดเพิ่มเป็น 2 เท่าของคนไม่สูบ ป่วยโควิด-19 แล้ว ยังเสี่ยงเสียชีวิตถึง 30% แถมโรคแทรกซ้อนอีกเพียบ อยากเลิกปรึกษาสายเลิกบุหรี่ 1600 ฟรี

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จัดแถลงข่าวเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี ผ่านโปรแกรม ZOOM ทางออนไลน์ เพื่อเชิญชวนคนไทยที่สูบบุหรี่ โดยใช้โอกาสที่โควิด-19 ระบาดหนักนี้ มุ่งมั่นที่จะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ โดย นพ.แดเนียล เคอร์เทส ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้กำหนดประเด็นการรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคมปีนี้คือ Commit to quit หรือ มุ่งมั่นที่จะเลิกสูบ ซึ่งขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ได้กำหนดเป็นคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2564 ไว้ว่า “เลิกสูบ ลดเสี่ยง คุณทำได้” การเลิกสูบบุหรี่นั้นจะช่วยรักษาชีวิต และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงเมื่อติดโควิด-19 ซึ่งทราบกันดีว่าการเลิกสูบบุหรี่ไม่ง่าย แต่ในภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ขอเชิญชวนให้ผู้สูบบุหรี่ทุกท่านเข้ารับคำปรึกษาเพื่อการเลิกสูบบุหรี่และมุ่งมั่นที่จะเลิกสูบบุหรี่ โดยใช้วิธีที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถรับบริการเลิกบุหรี่ได้จากสถานพยาบาลของรัฐ เอกชน และหน่วยงานภาคประชาสังคมที่ให้บริการ

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ในช่วงที่โควิด - 19 กำลังระบาดรุนแรงนี้ การเลิกสูบบุหรี่จะส่งผลดีต่อชีวิตอย่างยิ่ง ช่วยทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ได้ ในขณะที่คนที่ยังสูบบุหรี่อยู่นั้น เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตของตัวเอง เสี่ยงพิการ หรือป่วยติดเตียงไปชั่วชีวิตจากผลแทรกซ้อนของการติดโควิด-19 ที่เกิดได้ในทุกระบบสำคัญของร่างกาย โดยทั่วไปคนที่สูบบุหรี่รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด- 19 เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ คนที่สูบบุหรี่เมื่อติดเชื้อแล้วจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลแทรกซ้อนที่นำพาความพิการแบบถาวรหลากหลายรูปแบบมาสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต มีหลอดเลือดสมองอุดตันในหลอดเลือดขนาดใหญ่ ซึ่งปกติจะพบน้อย แต่ในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่และติดเชื้อไวรัสชนิดนี้กลับพบได้มากถึง 44% และเมื่อเป็นโควิด-19 แล้ว จะเสียชีวิตสูงถึง 30% และกลายเป็นอัมพาต ต้องนอนติดเตียงชั่วชีวิตถึง 27%

 

“คนที่สูบบุหรี่และติดโควิด-19 ยังเพิ่มความเสี่ยงของอุดตันของหลอดเลือดแดงส่วนปลายมือปลายเท้า เกิดภาวะขาดเลือด เสี่ยงต่อการถูกตัดมือตัดเท้า ไม่เพียงแค่นั้น คนที่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าแล้วติดโควิด-19 ยังมีโอกาสเป็นปอดบวมชนิดรุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า และเมื่อเป็นแล้วมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้นเกิน 2 เท่า แม้รอดชีวิตมาได้ ปอดของคนเหล่านี้ก็จะทำงานได้น้อยลงจากการที่เนื้อปอดถูกแทนที่ด้วยเยื่อพังผืดแทน ซึ่งความเสี่ยงในส่วนนี้มีมากกว่าคนที่ไม่สูบถึง 14 เท่าทีเดียว ดังนั้น การติดเชื้อ โควิด-19 ที่ว่าร้ายแรงแล้ว ผลแทรกซ้อนจากการติดเชื้อนี้กลับน่ากังวลกว่าเสียอีก ซึ่งทั้งหมดนี้ทุกคนสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงของตนเองได้ง่ายๆ เพียงแค่เลิกสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังเท่านั้น” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว

ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมยาสูบ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงความสูญเสียทางสุขภาพและเศรษฐกิจของคนไทยเกิดขึ้นทั้งระดับมหภาคและครัวเรือน ซึ่งในปี 2562 พบคนไทยเสียชีวิตจากบุหรี่ถึง 70,953 คน เป็นผู้เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองจำนวน 9,435 คน และยังพบว่าคนไทยที่สูบบุหรี่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 22 ปี ซึ่งก่อนเสียชีวิตรัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉพาะกรณีป่วยต้องนอนโรงพยาบาลสูงถึง 38,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้บุหรี่ยังทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม พบกลุ่มคนยากจนที่สุดต้องเสียเงินไปกับบุหรี่ถึงเกือบ 20% ของรายได้

รศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หรือสายเลิกบุหรี่ 1600 กล่าวว่า การเลิกบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและความรุนแรงของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ดังนั้นผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 จะช่วยสนับสนุนการเลิกสูบบุหรี่ โดยกาให้คำปรึกษาผ่านทางโทรศัพท์ฟรีทุกเครือข่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระหว่าง 09.00-20.00 น. จะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาทั้งแบบสั้น (ไม่เกิน 5 นาที) ในกรณีที่ท่านยังไม่พร้อมเลิก และให้คำปรึกษาแบบเข้มข้น (ประมาณ 20 นาที) เพื่อช่วยให้กำหนดแผนการเลิกและลงมือเลิกอย่างมั่นใจ จากนั้นจะได้รับคำปรึกษาทางโทรศัพท์ป้องกันการสูบซ้ำ อีก 6 ครั้ง (ใช้เวลาครั้งละ 5-15 นาทีแล้วแต่กรณี) จนกระทั่งสามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ สามารถเลือกใช้บริการ รับคำปรึกษาด้วยข้อความสั้นแบบมีการตอบกลับ เรื่องการปฏิบัติตัวในช่วงเลิกบุหรี่และข้อความให้กำลังใจ จากสายด่วนเลิกบุหรี่ วันละ 2 ข้อความ เป็นระยะเวลา 6 เดือน จากการวิจัยการรับข้อความสั้นช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ต่อเนื่องมากถึง 21% แต่หากได้รับคำปรึกษาทางโทรศัพท์ร่วมด้วย ความสำเร็จของการเลิกบุหรี่จะสูงขึ้นเป็น 38%

“ผู้สูบยังติดต่อสายเลิกบุหรี่ ผ่าน Social Media เพื่อการนัดหมายขอรับคำปรึกษาได้ทั้งทางโทรศัพท์ ข้อความสั้น หรือ Line Chat รวมถึงเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ผ่านช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ได้แก่ แอปพลิเคชันไลน์ quitline1600, Facebook สายเลิกบุหรี่ 1600, YouTube thailandquitline และ www.thailandquitline.or.th โดยการบริการทุกชนิดข้างต้น ทุกกรณี ประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สุดท้าย ข้อมูลสำคัญคือ โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ รวมถึง อสม. และผู้นำชุมชนในโรงเรียน วัด หรือสถานประกอบการ ใช้เป็นช่องทางในการติดต่อ สายเลิกบุหรี่1600 เพื่อรายงานและส่งต่อข้อมูลผู้อยากเลิกบุหรี่ โดยใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน U-Refer ซึ่งเป็นระบบการส่งต่อแบบ Realtime และไม่เสียค่าใช้จ่าย ศึกษาข้อมูลได้ที https://youtu.be/pImuJpKCBWg” รศ.ดร.จินตนา กล่าว

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เรียกร้องให้ผู้สูบบุหรี่ทุกคนทำสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ปลอดบุหรี่ เพื่อทำให้มีโอกาสเลิกสูบบุหรี่ได้มากขึ้นว่า การสำรวจครั้งล่าสุดปี 2557 พบว่า มีคนไทยที่เป็นความดันสูงหรือเบาหวานที่ยังสูบบุหรี่มากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งคนที่มีโลกประจำตัวทั้ง 2 โรคนี้ที่สูบบุหรี่ จะเร่งให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง และไตเสื่อมเร็วขึ้น และโดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ผู้ที่มีโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูงยิ่งต้องเลิกสูบบุหรี่ หรือลดความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงหากติดเชื้อโควิด-19 จึงขอให้ตัดสินใจมุ่งมั่นที่จะเลิกสูบบุหรี่ โดยขอให้แจ้งแก่แพทย์เวลามาติดตามรักษาโรคประจำตัวว่า ต้องการที่จะเลิกสูบบุหรี่ เพื่อขอให้แพทย์ช่วยแนะนำวิธีปฏิบัติ รวมทั้งอาจให้ยารักษาเลิกบุหรี่ ขณะเดียวกัน ผู้สูบบุหรี่ต้องเริ่มต้นด้วยการไม่สูบบุหรี่ในบ้าน ในรถ ซึ่งจะทำให้การเลิกสูบบุหรี่ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ หากต้องการร่วมรณรงค์หรือขอสื่อรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพื่อขอรับสื่อได้ที่ www.smokefreezone.or.th หรือติดต่อที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2278-1828