สธ.เผยผลสำรวจ ดีดีซีโพลล์ ล่าสุด ประชาชนมีการสวมหน้ากากในช่วงที่ไม่มีอาการและการเว้นระยะห่างเพิ่มขึ้น ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการฉีดหรือไม่แน่ใจว่าจะฉีด ส่วนหนึ่งคิดว่าดูแลป้องกันตนเองได้ 

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ภาพรวมสถานการณ์โรคโควิด 19 ขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้น สามารถจำกัดวงการแพร่ระบาดได้ ยังคงค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบผู้ติดเชื้อลดลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนไทยและกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในประเทศไทยทุกคน ซึ่งการจัดหาและการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ 

นอกจากนี้ ผลสำรวจ การรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด 19 หรือดีดีซีโพลล์ของกรมควบคุมโรค ออนไลน์ล่าสุดครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 26 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2564 มีผู้ตอบแบบสอบถาม 2,879 คน พบว่า ประชาชนมีการสวมหน้ากากในช่วงที่ไม่มีอาการและการเว้นระยะห่างเพิ่มขึ้น มีผู้ที่อยากฉีดวัคซีนแม้ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ เจ็บป่วย และเสียชีวิตร้อยละ 69.8 โดยผู้ที่ไม่ต้องการฉีดหรือไม่แน่ใจว่าจะฉีด ส่วนหนึ่งคิดว่าสามารถดูแลป้องกันตนเองได้ ซึ่งมาตรการ DMHTT คือ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนไทยชนะ/ หมอชนะ  นับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ด้วยตนเอง เป็นวัคซีนสังคมหรือโซเชียลวัคซีน ที่จะช่วยทุกคนปลอดภัยจากโรคโควิด 19 และเป็นจุดแข็งของระบบการควบคุมป้องกันโรคของประเทศไทย จึงขอย้ำให้ประชาชนใช้ชีวิตแบบ New Normal แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 

นอกจากนี้ ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดต้องเร่งสื่อสารให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงให้เข้าใจถึงประโยชน์ของการได้รับวัคซีน ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการเสียชีวิต ที่สำคัญคือลดการแพร่กระจายเชื้อ ลดการระบาดของโรค รวมทั้งวัคซีนที่ประเทศไทยได้จัดหาสำหรับคนไทยเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูง และมีประสิทธิผลในระดับที่องค์การอนามัยโลกยอมรับ มีขั้นตอนการให้บริการวัคซีนที่เป็นระบบ ได้มาตรฐาน ต้องรอสังเกตอาการ 30 นาที และมีการติดตามผลทาง Line OA หมอพร้อม