เปิดผลตรวจสอบคลินิกทุจริตรวม 3 ล็อต 188 แห่ง มีประชาชนรับผลกระทบเพิ่มอีกเกือบ 1 ล้านคน จาก 2 ล็อตแรก 8 แสนคน รวมเสียหาย 195 ล้าน
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ในการแถลงข่าว “สปสช.แจงยกเลิกสัญญา 64 คลินิก-รพ.เอกชนด้วยเหตุทุจริต” นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.)ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขเกินจริง กล่าวว่า จากการตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยบริการที่เป็นคู่สัญญากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ทั้งที่เป็นคลินิกชุมชนอบอุ่นและโรงพยาบาลพื้นที่กรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นพบว่าได้มีการนำสิทธิประชาชนมาแอบอ้างเพิกค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง โดยประชาชนไม่ได้เข้าใช้บริการจริง ซึ่งเป็นการจงใจสร้างหลักฐานเท็จขึ้นเพื่อเบิกเงินจากสปสช.ถือว่าเป็นการทุจริต เป็นความผิดอาญา ได้แจ้งให้สปสช.แจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบปรามฯในล็อตที่ 3 เพิ่มอีก 106 แห่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบการทุจริตและแจ้งความแล้ว 2 ล็อต โดยล็อตที่ 1 จำนวน 18 แห่ง และล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง รวมขณะนี้ 3 ล็อตตรวจสอบพบทุจริตแล้ว 188 แห่ง
นอกจากนี้ สปสช.จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายคืนทั้งหมด หากไม่คืนก็จะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย และสปสช.มีความจำเป็นต้องยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการที่พบการทุจริตทั้ง 188 แห่ง เนื่องจากในสัญญาระหว่างสปสช.กับหน่วยบริการมีการเขียนข้อสัญญาไว้ชัดเจนว่า ถ้ามีการเบิกเท็จหรือไม่ถูกต้อง ทางสปสช.มีอำนาจต้องเบิกสัญญา เพราะฉะนั้นสปสช.ต้องปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้ หากไม่ดำเนินการก็จะเข้าข่ายละเว้นไม่ปฏิบัติตามสัญญา
นายจิรวุสฐ์ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบที่พบการทุจริตในขณะนี้เป็นการดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเพียง 1 รายการ คือ รายการของกลุ่มโรคเมตาบอลิก จากที่มีทั้งหมด 18 รายการ และเป็นการตรวจสอบเฉพาะการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2562 ส่วนอีก 17 รายการนั้นจะมีการทยอยตรวจสอบหลังจากที่มีการตรวจสอบรายการที่ 1 นี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง จะเสนอบอร์ดสปสช.ในการขยายการตรวจสอบการเบิกจ่ายในโครงการนี้ย้อนหลังไปถึงปีงบประมาณที่เริ่มต้นโครางการด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถบอกได้ว่ามีการทจุริตเบิกจ่ายโครงการนี้ไปเท่าไหร่
“การดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายทั้งหมดไม่ได้กลั่นแกล้งใครหรือเลือกปฏิบัติ แต่เป็นการทำเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของประชาชนและปกป้องประโยชน์ของรัฐ เพราะจากการตรวจสอบพบรูปแบบการทุจริตที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจน เช่น อ้างชื่อคนเพื่อเบิกเงินทั้งที่บุคคลนั้นไม่ได้เข้ารับการรักษา หรือการสร้างชื่อพนักงานบริษัทขึ้นมาจำนวนหนึ่งเพื่อมาเบิกจ่ายแต่กลับพบว่ารายชื่อนั้นไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท เป็นต้น นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบคลินิกทันตกรรมให้การรักษาบริการไม่ถูกต้องอีก 7 แห่งด้วย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งระบบเช่นกัน” นายจิรวุสฐ์กล่าว
นายจิรวุสฐ์ กล่าวอีก อนุกรรมการฯได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด เพื่อให้ข้อเสนอแนะกับสปสช.ในการป้องกันปัญหาในอนาคต ประกอบด้วย 1.คณะทำงานดูความเสี่ยงทั้งหมดของระบบเบิกจ่ายเงิน แล้วสรุปผลให้สปสช.ปรับปรุงแก้ไข และ 2.คณะทำงานดูระบบบริการทั้งหมด รวมถึง การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการต่างๆ และการเลือกคลินิกที่มีความมั่นใจ
ด้านนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า ในส่วนการตรวจสอบพบทุจริตในล็อตที่ 3 จำนวน 106 แห่ง มีประชาชนที่จะได้รับผลกระทบอีกราว 9 แสน ถึง 1 ล้านคนอยู่ระหว่างการประสานและดำเนินการเพื่อหาหน่วยบริการรองรับ ส่วนมูลค่าความเสียหายรวมทั้ง 3 ล็อตเป็นเงิน 195 ล้านบาท โดยทั้ง 188 แห่ง สปสช.ได้เนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาที่กองปราบปรามฯและกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอแล้ว โดยแยกรายละเอียดเป็นรายหน่วยบริการ ฟ้องร้องคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายคืน ยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการ แจ้งสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และแจ้งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)กระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบตามกฎหมายสถานพยาบาล รวมทั้ง จะมีการขยายผลตรวจสอบย้อยหลังปี 10 ปีตั้งแต่ปี 2555-2561 ในช่วงที่มีการดำเนินโครงการนี้ด้วย
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการดูแลผู้อยู่ในสิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบจากการตรวจพบการทุจริตในล็อตที่ 1 ยกเลิกสัญญา 18 แห่ง กระทบราว 2 แสนคนนั้นได้ดำเนินการจัดหาให้เข้าสู่หน่วยบริการแล้ว ส่วนล็อตที่ 2 ยกเลิกสัญญา 64 แห่ง กระทบราว 8 แสนคนนั้น แบ่งดำเนินการเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.โรคที่ต้องอาศัยรพ.ในการดูแล เช่น ผ่าตัด คลอดบุตร ล้างไต ซึ่งมีรพ.ถูกยกเลิกสัญญา 6 แห่ง สปสช.ได้ดำเนินการประสานไปยังผู้ป่วยเพื่อแจ้งสถานพยาบาลที่จะได้รับบริการให้ทราบแล้ว และโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 090-197-5271 หากยังมีข้อสงสัย
2.กลุ่มโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ต้องได้รับการดูแลสม่ำเสมอส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ สปสช.ได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครในการดูแลผู้ป่วยในระยะสั้นก่อนแล้ว โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานครทั้ง 69 แห่ง ใกล้ที่ไหนไปที่นั้น ซึ่งสปสช.ได้ส่งข้อมูลประวัติผู้ป่วยให้ศูนย์ในพื้นที่แล้ว และ 3. โรคทั่วๆไป อาการเจ็บป่วยที่ไม่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง เข้ารับบริการผู้ป่วยนอก ขณะนี้จะถือว่าเป็นสิทธิว่าง ได้รับวีซ่าพิเศษหากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการบัตรทองได้ทั้งของรัฐและเอกชนที่ใดก็ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะหน่วยบริการจะเบิกมายังสปสช.เอง ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยบริการต่างๆทราบแล้ว
“ขอย้ำว่าการดำเนินการตรวจสอบพบทุจริตและยกเลิกสัญญาเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น อีก 76 จังหวัดไม่ต้องกังวลยังใช้บริการ มีสิทธิบัตรทองของประชาชนอยู่ครบเหมือนเดิมและจะมีการพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นตามสิทธิประโยชน์ที่จะเพิ่มขึ้น และกรณีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในกทม.หากได้รับการจัดหน่วยบริการใหม่ให้แล้วพบว่าไม่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนเป็นหน่วยบริการที่ใกล้ได้ และขณะนี้สปสชอยู่ระหว่างการเปิดรับหน่วยบริการรองรับในพื้นที่กทม.เพิ่มเติม”นพ.ศักดิ์ชัยกล่าว
นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบในล็อตที่ 2 ที่มีการยกเลิกสัญญา 64 คลินิก จำนวนราว 8 แสนคนนั้น 70 %ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ต้องกังวลไม่ต้องดำเนินการใดๆ ส่วนอีก 30 % ต้องมีมาตรการรองรับ เพื่อเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง จะเร่งดำเนินการจัดหาหน่วยบริการรองรับในพื้นที่กทม. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการดูแลให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการรักษาต่อเนื่องแล้ว แยกเป็น 1.ผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องรับยาต่อเนื่อง 2,166 คน ได้ประสานให้เข้ารับบริการได้ที่สำนักงานบริการสาธารณสุข 37 แห่ง สังกัดสำนักการแพทย์กทม. 8 แห่ง รพ.ภาครัฐ รพ.มงกุฏวัฒนะ และรพ.แพทย์ปัญญา เพื่อให้ได้รับการรักษาต่อเนื่องสามารถไปรับยาได้ 2.ผู้ป่วยไต 295 คน กระทบจริงๆไม่เท่าไหร่
3.ผ่าตัดที่มีนัดล่วงหน้า 132 คน มีการโทรประสานผู้ป่วยแจ้งสถานพยาบาลที่ให้เข้ารับการผ่าตัด 4.โรคเรื้อรัง เปิดให้เข้ารับยาต่อเนื่องได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร โดยนำยาเดิมไปด้วย 5.ฝากครรภ์กว่า 5,000 ราย กำลังประสานหน่วยบริการในกทม.ว่ามีคลินิกฝากครรภ์วันไหนที่ไหนและประกาศให้ทราบ เพื่อให้ไปรับบริการได้ ส่วนการคลอดหากมีนัดผ่าตัดอยู่แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประสานไป ส่วนกรณีคลอดฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการกรณีฉุกเฉินได้ทั้งหน่วยบริการบัตรทองภาครัฐและเอกชน
- 335 views