กระทรวงดิจิทัลฯ เผยแพลตฟอร์มไทยชนะ ใช้งานมากกว่า 50 ล้านครั้ง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เผยข้อมูลการใช้งานไทยชนะ เผยยอดปชช.ใช้ทะลุ 13 ล้าน ส่วนร้านค้าลงทะเบียน 1.11 แสนร้าน ขณะที่ 2 หมื่นกิจการไม่ผ่านการลงทะเบียน เตือนดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน 28 พ.ค. แนะสาวถูก พนง.สะดวกซื้อแอดไลน์จีบ จากเบอร์ที่ลงทะเบียนก่อนเข้าร้าน ให้แจ้งความ 2 ความผิด ละเมิดส่วนตัว เอาข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นพ.พลวรรธน์ วิทูลกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงแพลตฟอร์มไทยชนะ ว่า ขณะนี้แพลตฟอร์มไทยชนะมีการใช้งานมากกว่า 50 ล้านครั้งแล้ว ประชาชนทะลุ 13 ล้านคน ส่วนร้านค้าที่ลงทะเบียนอยู่ที่ 1.11 แสนร้านค้า ถือว่ามีการตอบรับที่ดี โดยกิจการที่ได้รับการตอบรับดีที่สุด มีคนเข้าเช็กอินเช็กเอาท์มากที่สุด คือ กลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ตามด้วยกลุ่มห้าง ศูนย์การค้า และกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม การประเมิน 12 ล้านครั้ง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.93 คะแนน หมายถึงมาตรการ 5 ข้อ คือ การเว้นระยะห่าง ไม่แออัด ล้างมือ ทำความสะอาดพื้นผิว การใส่หน้ากาก คนไทยเข้าใจถึงความสำคัญ เราจะนำผลประเมินไปปรับปรุง และส่งให้เจ้าหน้าที่ ศปม.เข้าไปดำเนินการต่อ

นพ.พลวรรธน์กล่าวว่า กระบวนการลงทะเบียนกิจการที่ได้คิวอาร์โคดนั้น กรุณาตรวจสอบอีเมลของตนเองว่า ได้รับอีเมลยืนยันว่า ลงทะเบียนสำเร็จแล้วหรือไม่ ตอนนี้มีประมาณ 20,000 กว่ากิจกรรมยังไม่ผ่านระบบการลงทะเบียน เนื่องจากข้อมูลที่ใส่เข้าไปยังไม่ครบ ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับอีเมลแจ้งว่ายังดำเนินการไม่ผ่าน มีอะไรที่ต้องใส่ข้อมูลเพิ่มบ้าง หรือเข้าไปในเว็บไซต์ไทยชนะและล็อกอินในส่วนของร้านค้า ก็จะเห็นว่ามีอะไรที่ยังขาดไป ดังนั้น จึงขอให้คนที่เข้าไปลงทะเบียนในระบบ ให้เข้าไปปรับปรุงสถานะของตัวเองในระบบไทยชนะด้วย มิเช่นนั้น วันที่ 28 พ.ค. คิวอาร์โคดที่ปรินท์ออกมาแล้วนั้น จะไม่สามารถใช้การได้ อาจจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นได้ แต่หากลงทะเบียนเรียบร้อยคิวอาร์โคดก็จะใช้การได้ต่อไป

นพ.พลวรรธน์กล่าวว่า สำหรับปัญหาเรื่องเว็บไซต์ปลอมทางต่างชาติหรือผู้ไม่ประสงค์ดี พยายามใช้ช่องทางนี้ล่อลวงเข้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อล่อให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการดาวน์โหลดที่ไม่ผ่านการรับรอง หากคนที่ดาวน์โหลดมาแล้วนั้นไม่ต้องตกใจ อย่ากดใช้งาน เพียงแค่ลบออกไป หรือหากไม่มั่นใจก็ให้ศูนย์โทรศัพท์ต่างๆ ช่วยล้างโทรศัพท์ ส่วนกรณีมีข้อความหรือเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไทยชนะ ก็ไม่ใช่เรื่องจริง ยืนยันว่า เราไม่มีการส่งเอสเอ็มเอสให้ใครสักคน โดยขอให้ลบข้อความทิ้งไป ซึ่งกระทรวงฯ กำลังสืบอยู่ว่า ใครเป็นผู้ส่ง ส่งมาอย่างไร ส่งไปทางไหน ส่งเข้ามาในประเทศไทยหากเป็นต่างชาติส่งเข้ามาได้อย่างไร ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีผู้หญิงไปร้านสะดวกซื้อ และลงทะเบียน แต่พนักงานกลับเอาเบอร์แอดไลน์ไปคุยว่ามีแฟนแล้วหรือไม่ นพ.พลวรรธน์กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่ามีความผิด ถึงบอกว่าไม่อยากให้มีการเขียนลงทะเบียน ผู้หญิงสามารถแจ้งความได้ 2 เรื่อง คือ ละเมิดความเป็นส่วนตัว และเอาข้อมูลอีกคนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีความผิดหนัก เพราะความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษคุกอย่างเดียว