เปิดผลตรวจหลังผ่อนปรนกิจกรรม-กิจการ พบตลาด-ร้านค้าปลีก ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานมากที่สุด 3.2% รองลงมา ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ด้านกรมอนามัยลงพื้นที่ให้คำแนะนำกิจการปฏิบัติถูกต้อง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 พ.ค. 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวถึงการตรวจกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายด้านการดำเนินชีวิต พบว่า ยังมีผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งจริงๆแล้วโดยหลักของมาตรการหลักมี 5 ข้อ คือ 1.ตรวจวัดไข้ แยกผู้ป่วย 2.สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 3.เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร 4.จัดจุดล้างมือ/เจลแอลกอฮอล์ และ 5.งดกิจกรรมรวมตัวหมู่มาก ส่วนมาตรการเสริมก็จะมีรายละเอียดแล้วแต่กิจการ

สำหรับกิจกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19

อันดับ 1 คือ ตลาดร้านค้าปลีก ตรวจไป 4,558 แห่ง พบไม่ปฏิบัติตาม 3.2%

อันดับ 2 ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ตรวจไป 5,543 แห่ง ไม่ปฏิบัติตามอยู่ 2.8%

อันดับที่ 3 ซุปเปอร์มาร์เก็ต สินค้าจำเป็นในห้างตรวจไป 625 แห่งพบไม่ปฏิบัติตาม 2.7%

อันดับ 4 ร้านเสริมสวย ตัดผมตรวจไป 3,457 แห่ง พบไม่ปฏิบัติตาม 2.5%

อันดับ 5 สนามกีฬา ตรวจไป 320 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 1.9%

อันดับ 6 สวนสาธารณะตรวจไป 465 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 1.3%

อันดับ 7 มี 2 สถานที่ คือ ร้านสัตว์เลี้ยง และสนามกอล์ฟ โดยร้านสัตว์เลี้ยงตรวจ 330 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 0.7% ส่วนสนามกอล์ฟตรวจ 116 แห่งไม่ปฏิบัติตาม 0.3%

“หากใครพบสถานที่หรือกิจการใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด-19 สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1138 ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 และ 191” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว และว่า จริงๆ ไม่ได้อยากให้ต้องใช้กฎหมาย ไม่อยากให้ต้องรับโทษรุนแรง เราแค่ต้องการให้เกิดความปลอดภัย ถ้าทำดีก็เปิดต่อ แต่ถ้าทำไม่ดีก็ปิดเพื่อปรับปรุงใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ

เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ลงพื้นที่สถานประกอบการสนามกอล์ฟช่วงมาตรการผ่อนปรน เพื่อติดตามการปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัย ณ สนามกอล์ฟปัญญา รามอินทรา กรุงเทพมหานคร โดย นพ.สราวุฒ กล่าวว่า จากมาตรการผ่อนปรน 6 สถานประกอบกิจการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. หนึ่งในนั้นคือ ด้านการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ซึ่งการลงพื้นที่สนามกอล์ฟในครั้งนี้ ถือเป็นการติดตามการปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัย ในการป้องกันโรค COVID-19 โดยเจ้าของกิจการต้องมีการกำหนดทางเข้า-ออกที่ชัดเจน ให้มีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ รวมทั้งไม่ควรมีการจัดการแข่งขัน มีระบบการคัดกรองพนักงานและผู้รับบริการ ด้วยการสังเกตและสอบถามอาการ หรือใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบหรือมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ต้องหยุดปฏิบัติงาน และไปพบแพทย์ทันที

“นอกจากนี้ให้จัดหาหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยสำหรับพนักงานทุกคนอย่างเพียงพอและจำกัดจำนวนผู้รับบริการในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ให้สามารถเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลได้อย่างน้อย 1 - 2 เมตร ใช้ระบบนัดจองคิวเข้าใช้บริการและควบคุมระยะเวลาใช้บริการ ที่สำคัญ ควรทำความสะอาดสถานที่ รถกอล์ฟ รวมถึงลูกกอล์ฟก่อนและหลังใช้บริการทุกครั้ง ส่วนห้องที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เช่น คลับเฮ้าส์ ห้องล็อกเกอร์ นั้น ควรจัดให้มีระบบระบายอากาศที่ดี มีการไหลเวียนของอากาศภายในอาคารที่ได้มาตรฐาน หรือมีการฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ สามารถกรองแบคทีเรียและไวรัสได้ และให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับบริการลูกค้าอย่างเพียงพอ และจุดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มต้องปฏิบัติตามมาตรการของร้านอาหารด้วย” นพ.สราวุฒิ กล่าว

รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พนักงาน เจ้าหน้าที่ และแคดดี้ ขณะปฏิบัติงานให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการ หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ หลังจากสัมผัส พื้นผิวต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น ในขณะออกรอบแคดดี้ควรหยิบจับอุปกรณ์บริเวณปลายหัวไม้หรือหัวเหล็กยื่นให้กับผู้รับบริการทุกครั้ง เว้นระยะห่างระหว่างผู้รับบริการกับผู้ให้บริการอย่างน้อย 1 - 2 เมตร ในส่วนของผู้รับบริการควรติดต่อจองเวลาในการออกรอบก่อนใช้บริการ และลงทะเบียนกรอกประวัติ ทุกครั้ง ขณะใช้บริการต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ไม่ควรจับกลุ่มพูดคุยกันเป็นเวลานานๆ และหากมีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ควรงดใช้บริการ