“อนุทิน-สาธิต” ตรวจร้านขายยาร่วมโครงการให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง รับยาลดแออัด ดีเดย์ 1 ต.ค. 62  ต้น รพ.ขึ้นทะเบียนร่วมแล้ว 35 แห่งร้านยากว่า 300 แห่ง คาดครบ 50 รพ.  500 ร้านยา ปี 63 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562  ที่ห้างบิ๊กซี แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการให้ผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) รับยาที่ร้านขายยา เพื่อลดแออัดของรพ.รัฐ ซึ่งเริ่มโครงการวันนี้ (1 ต.ค.) เป็นวันแรก

นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีความพร้อมแล้วทั้งในส่วนโรงพยาบาลและร้านยา เพื่อเป็นทางเลือกในการรับยาหลังพบแพทย์ให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่สมัครใจ ไม่ต้องรอคิวรับยา โดยแพทย์ให้ความเห็นว่าผู้ป่วยมีอาการคงที่ สามารถร่วมโครงการรับยาที่ร้านยาได้ ซึ่งร้านยาที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านยาแผนปัจจุบัน ข.ย.1 ที่มีเภสัชกรประจำร้าน และจะมีป้ายสัญลักษณ์ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ที่หน้าร้าน ขณะนี้มีโรงพยาบาลในต่างจังหวัดและกทม.ที่ขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการแล้ว 35 แห่ง และร้านยากว่า 300 แห่ง จะดำเนินการให้ครบ 50 โรงพยาบาล 500 ร้านยา ในปีงบประมาณ 2563 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในช่วงเริ่มต้นโครงการจะดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด และโรคทางจิตเวช รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นที่ไม่ซับซ้อน ยาที่ผู้ป่วยจะได้รับจากร้านยาในระยะแรกจะเป็นยาที่จัดส่งมาจากโรงพยาบาล เป็นยารายการเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย สิ่งสำคัญของโครงการนี้คือการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลและร้านยา ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการส่งข้อมูล โดยโรงพยาบาลจะจัดส่งเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นของผู้ป่วยให้กับร้านยาเพื่อให้จ่ายยาและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยได้ และจะมีการประเมินสุขภาพและความพึงพอใจหลังดำเนินโครงการเพื่อปรับปรุงด้านบริการของโรงพยาบาล เช่น มีเวลาดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมคุณภาพยาในหอผู้ป่วย เป็นต้น  


นับเป็นหนึ่งในวิธีการลดความแออัดของรพ.รัฐ โดยเพิ่มบริการรับยาที่ร้านขายยา ตอนเริ่มต้นอาจจะขรุขระบ้างมีร้านขึ้นทะเบียนไม่มาก จึงขอเชิญชวนขึ้นทะเบียนที่สปสช. ทั้งนี้การรับยา จะแบ่งเป็นเฟส ตอนนี้อยู่ในเฟสที่รพ.จัดยามาให้ร้าน แต่เฟสต่อไปจะเป็นการกระจายรายได้ ธุรกิจแบ่งปัน โดยต้องไปโปรโมทร้านขายยาทั่วไปเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย แต่ต้องเป็นร้านฯ ที่มีมาตรฐาน ยืนยันไม่เอื้อเฉพาะร้านใหญ่เท่านั้น แต่เอื้อทุกฝ่าย ช่วยเงินหมุนเวียนด้วยในระบบเศรษฐกิจด้วย เรียกว่าลดแออัด ลดภาระงานของแพทย์ พยาบาล ลดภาระผู้ป่วยด้วย ถือว่าได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย วินวินกันทุกฝ่าย

นายอนุทิน กล่าวว่า เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยร่นเวลาในการรับบริการที่รพ. อีกอย่างการมาร้านแล้วเภสัชจะได้มีเวลาอธิบายการใช้ยาได้มากขึ้น รวมถึงอาจจะให้คำแนะนำวิธีการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคได้อีกด้วย เช่น การเลิกสูบบุหรี่ การรณรงค์หมั่นออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตนเองและคนข้างเคียง