รองนายกฯ และรมว.สธ. ประกาศขอให้อสม. เจ้าหน้าที่ทุกคนอย่าสูญเสียกำลังใจว่าเราดูแลไม่ทั่วถึง อย่าหวั่นไหวกับสื่อโซเชียล ขอเป็นกำลังใจ ทราบว่าทุกท่านปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ เราทำงานไม่ใช่การสร้างภาพ ขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ที่ห้องประชุม 506 ทำเนียบรัฐบาล กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ในพื้นที่ 32 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุโพดุลและพายุคาจิกิ ว่า ขอให้พื้นที่ให้ความสำคัญเรื่องการบริการประชาชนเป็นหลัก ผู้บริหารในพื้นที่ต้องประสานงานกับส่วนราชการอื่นๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการช่วยเหลือ ที่สำคัญคือให้ระดมสรรพกำลังเต็มที่ในการช่วยเหลือ อย่าให้กฎระเบียบต่างๆ มาเป็นอุปสรรคในการทำงานเพื่อประชาชน หากอะไรอยู่นอกเหนืออำนาจการตัดสินใจของพื้นที่ให้ประสานมายังส่วนกลาง โดยเฉพาะยาและเวชภัณฑ์ต้องเพียงพอต่อการให้บริการประชาชนตลอดเวลา และในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงเข้าถึงยาก ขอให้ อสม. ดูแลถึงบ้านอย่าให้ขาดยา

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า น้ำท่วมครั้งนี้มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ 384 ทีม ให้การรักษา 9,519 ราย ให้สุขศึกษา 14,760 ราย ทีมหมอครอบครัว เยี่ยมบ้านดูแลผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก รวม 10,748 ราย จัดหน่วยแพทย์และทีมสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมดูแลประชาชนที่จุดพักพิงที่มี 91 แห่งจำนวนกว่า 22,000 คน และเฝ้าระวังป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม ด้านจิตใจพบมีภาวะเครียดกว่า 300 ราย ในจำนวนนี้มี 19 รายที่เสี่ยงการฆ่าตัวตาย มอบให้กรมสุขภาพจิตดูแลเป็นพิเศษแบบตัวต่อตัว หากเป็นไปได้ให้รับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย

“ผม และรัฐมนตรีช่วยฯ ผู้บริหาร เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ และอสม. อย่าสูญเสียกำลังใจว่าเราดูแลไม่ทั่วถึงอย่าหวั่นไหวกับสื่อโซเชียล ขอเป็นกำลังใจ ทราบว่าทุกท่านปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ เราทำงานไม่ใช่การสร้างภาพ เรื่องภัยพิบัติเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทุกปีเรามีแผนการทำงาน ให้ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน” นายอนุทินกล่าว

 

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งแม้ที่บ้านตนเองจะถูกน้ำท่วมก็ยังออกปฏิบัติงานให้การดูแลประชาชนเต็มที่ ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสำรวจความเสียหายของสถานบริการที่ได้รับผลกระทบ และบ้านเรือนของเจ้าหน้าที่ แจ้งมาที่ส่วนกลางเพื่อสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซม ที่สำคัญขอให้ผู้บริหารดูแลเจ้าหน้าที่ที่ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งด้านสุขภาพร่างกายและด้านจิตใจ เนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้ค่อนข้างนาน เจ้าหน้าที่อาจมีภาวะเครียด

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ท่านรองนายกฯ และรมว.สธ.ได้มีการกำชับเรื่องการป้องกันและเฝ้าระวังโรคที่มีความผันแปรตามสภาพแวดล้อม แยกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.โรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคที่ต่อให้น้ำไม่ท่วมก็มีการระบาด แต่หลังน้ำท่วมจะทำให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพิ่มขึ้น จึงเสี่ยงมีการระบาดของโรคเพิ่มขึ้นด้วย 2.โรคระบบทางเดินอาหาร ท้องเสีย อุจจาระร่วง เพราะในช่วงที่น้ำท่วมซึ่งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และระบบขับถ่ายต่างๆ เสี่ยงที่จะเกิดเชื้อโรคปนอยู่ตามสิ่งแวดล้อมช่วงหลังน้ำลด และ 3.โรคฉี่หนู ที่เชื้อโรคจะปนอยู่ตามสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน ยิ่งพอน้ำลดประชาชนจะกลับเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรือน ไร่นา อาจจะเกิดบาดแผลได้ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้สามารถเข้าไปตามบาดแผลได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการเฝ้าระวัง

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีการดำเนินการมาตลอด เมื่อเทียบกับการดูแลน้ำท่วมในปีที่ผ่านๆ มา ก็สามารถควบคุมป้องกันโรคได้ ไม่มีผู้ป่วยมากอย่างมีนัยสำคัญ ผลสำเร็จอาจจะเป็นเพราะประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ และเจ้าหน้าที่มีการทำงานเชิงรุก แต่จำเป็นที่ต้องมีการกำชับเรื่องเหล่านี้อีกครั้งเพื่อหวังที่จะลดการเจ็บป่วยให้มากที่สุด หรือหากมีการเจ็บป่วยจะต้องลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการแพร่ระบาด