พ่อค้าส้มตำ ย่านสี่พระยา กทม. เผย ภรรยาป่วยหนัก พบเนื้องอกสมอง ใช้สิทธิบัตรทองรักษา ทั้งตรวจวินิจฉัย ผ่าตัด และติดตามอาการต่อเนื่อง หากจ่ายเงินเองคงเข้าไม่ถึงการรักษา ระบุคนไทยโชคดีมีสิทธิบัตรทอง เป็นนโยบายมีประโยชน์ต่อประชาชน พร้อมชื่นชม รพ.อุดรธานี ดูแลผู้ป่วยดีเยี่ยม
นายสุคนธ์ ศรีภูวง
นายสุคนธ์ ศรีภูวง อายุ 42 ปี ชาวอุดรธานี อาชีพพ่อค้าขายส้มตำรสเด็ด ย่านสี่พระยา กทม. กล่าวถึงประสบการณ์ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “สิทธิบัตรทอง” ว่า ครอบครัวผมมี 6 คน อยู่ที่ จ.อุดรธานี มีเพียงผมที่มาขายส้มตำใน กทม. ทั้งหมดมีบัตรทองและใช้สิทธิที่ จ.อุดรธานี ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้สิทธิกัน แต่หากเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็ไปที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน (รพ.สต.) บ้าง ซื้อยากินเองบ้าง แต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภรรยาเกิดมีอาการตาพร่าและปวดหัว ตอนแรกคิดว่าคงมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา จึงไปหาหมอที่คลินิกหมอตาใกล้บ้าน ซึ่งได้ยามากิน โดยคุณหมอบอกว่าหากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้ไปหาหมอที่ รพ.อุดรธานี
ทั้งนี้ หลังกินยาแล้วภรรยาก็ยังมีอาการตาพร่าและปวดหัวอยู่ ซ้ำหนักกว่าเดิม จึงไปหาคุณหมอที่ รพ.อุดรธานี โดยใช้สิทธิบัตรทอง ได้รับการตรวจเลือด ปัสสาวะ และสแกนสมองเพื่อวินิจฉัย ผลตรวจพบเนื้องอกในสมองที่เบียดเส้นประสาทลงมาที่ตา เบื้องต้นคุณหมอก็ให้ยามากินก่อน และส่งตัวไปที่แผนกศัลยกรรมประสาทของ รพ. เพื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองเฉพาะเพื่อตรวจละเอียดอีกครั้ง ผลการตรวจยืนยันเช่นเดิม พร้อมนัดทำการผ่าตัดโดยเร็ว เพราะเนื้องอกที่ตรวจพบนี้หากทิ้งไว้นานจะไม่ส่งผลดี
นายสุคนธ์ กล่าวว่า ภรรยาได้เข้าผ่าตัดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 หลังจากที่ได้รับการตรวจเพียงแค่ 2 เดือน ถือว่าคิวผ่าตัดเร็วมาก เพราะจากที่เคยได้ยินมาในกรณีใช้สิทธิบัตรทองผ่าตัดต้องรอคิวยาวมาก ซึ่งหลังผ่าตัดคุณหมอก็อยู่ในห้องไอซียูต่ออีก 1 วันเพื่อเฝ้าระวังผลการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด จากนั้นได้ย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ภรรยาฟื้นตัวเร็ว รวมถึงแผลผ่าตัดก็ดี แม้ว่าช่วงแรกก็มีอาการหลงๆ ลืมๆ บ้าง มีพูดคำซ้ำๆ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว โดยคุณหมอได้นัดตรวจติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง โดยส่งต่อให้คุณหมอที่อยู่แผนกอายุรกรรมดูแลต่อเนื่อง
“ผ่าตัดสมองปกติต้องมีค่าใช้จ่ายหลักหลายแสนบาท หากต้องจ่ายเองภรรยาผมคงไม่ได้ผ่าตัดรักษา แต่สิทธิบัตรทองทำให้ภรรยาผมได้รับการรักษา เราเสียแค่ค่าเดินทางและค่ากินเท่านั้น ทั้งคุณหมอ พยาบาล และโรงพยาบาลอุดรธานีต่างดูแลคนไข้ดีมาก ส่วนที่ต้องรอคิวนานก็เป็นเรื่องปกติ เพราะคนไข้มีมาก เพียงแต่เราแค่ไปตามนัด ตามคิวก็พอ ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร” นายสุคนธ์ กล่าว
นายสุคนธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนเองได้กลับมาขายส้มตำที่กรุงเทพฯ แล้ว ส่วนภรรยามีครอบครัวที่อยู่ทางอุดรธานีช่วยกันดูแลอยู่ ถ้าถามความเห็นถึงสิทธิบัตรทอง ยอมรับว่ารู้จักสิทธิบัตรทองมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่พอวันที่ภรรยาป่วยหนักมาก สิทธิบัตรทองก็ช่วยดูแลให้ได้ ถ้าไม่มีตรงนี้คนจนคนรายได้น้อยอย่างเราคงไม่มีเงินรักษาแน่ การที่คนไทยมีสิทธิ์ตรงนี้จึงถือว่าเราโชคดีมาก ถือว่าเป็นนโยบายที่มีประโยชน์กับประชาชนเป็นที่สุด รัฐบาลควรคงสิทธินี้และพัฒนาให้ดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีคุณค่าสำหรับประชาชน
- 1905 views