กระทรวงสาธารณสุข จัดระบบบริการกัญชาทางการแพทย์ครบวงจร น้ำมันกัญชาล็อตแรกผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมและ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร พร้อมนำไปใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ต้นเดือนสิงหาคม 2562 นี้
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระบบบริการกัญชาทางการแพทย์ในสถานพยาบาลครบวงจร โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงาน ทั้งภายในและภายนอกกระทรวง เพื่อให้การนำกัญชาไปใช้มีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ในด้านการปลูก การผลิต การกระจาย องค์การเภสัชกรรมจะผลิตน้ำมันกัญชาล็อตแรกในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562 จำนวน 10,000 ขวด และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จำนวน 5,000 ขวด นำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ส่วนโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น จะผลิตตำรับยาแผนไทย 5 ตำรับจากกัญชาของกลาง
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวว่า ด้านผู้สั่งใช้กัญชาทางการแพทย์ ปัจจุบันมีแพทย์ เภสัช ทันตแพทย์ ผ่านการอบรม 400 คน มีแพทย์แผนไทยผ่านการอบรม 2,900 คน โดยจะปรับการอบรมแบบออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้สั่งใช้ นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแนวทางการนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ แนวทางการรักษาเมื่อผู้ป่วยเกิดปัญหาจากการใช้ยากัญชา รวมทั้งกำหนดวิธีการขอรับอนุญาตจำหน่ายในสถานพยาบาล โดยระยะแรก เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2562 สามารถจัดบริการกัญชาทางการแพทย์ได้ในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง และขยายระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ภายในเดือนเมษายน 2563
“ขณะนี้การนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ถือว่าเป็นระยะเริ่มต้นปริมาณการผลิตยังอยู่ในวงจำกัดสำหรับผู้ป่วยในโครงการ ระยะต่อไปจะมีการขยายให้เพียงพอต่อการนำไปใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้วไม่ได้ผล ภายใต้การดูแลของแพทย์ เภสัช ทันตแพทย์ และแพทย์แผนไทยที่ผ่านการอบรมเพื่อให้เกิดผลในการรักษาและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้” ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกลกล่าว
ด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ ต้องมีความระมัดระวังในการนำไปใช้ เนื่องจากมีทั้งคุณและโทษ โดยมีข้อบ่งใช้สำหรับการรักษาโรค (SAS : Special Access Scheme) ด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.มีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันประสิทธิผลชัดเจนได้ประโยชน์ในการรักษา ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากยาเคมีบำบัด โรคลมชักที่รักษายากหรือดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวดประสาทที่ดื้อต่อการรักษา
2.มีข้อมูลทางวิชาการที่สนับสนุนการวิจัยเพิ่มเติม น่าจะได้ประโยชน์ในการควบคุมอาการ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ดูแลแบบประคับประคอง บรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยมะเร็ง
และ 3.สารสกัดกัญชาอาจได้ประโยชน์ในการรักษาแต่ยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ ให้พิจารณาสั่งจ่ายเฉพาะผู้ป่วยที่ใช้การรักษาตามวิธีมาตรฐานแล้วไม่ได้ผล ส่วนด้านการแพทย์แผนไทย มีตำราทางการแพทย์แผนไทยและตำรับยาแผนไทยที่อนุญาตให้ใช้เพื่อการรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ จำนวน 16 ตำรับ
- 15 views