สหรัฐอเมริกาเผยสถิติ พยาบาลและนักสังคมสงเคราะห์ตกเป็นเป้าถูกทำร้ายจากการทำงานยิ่งกว่าตำรวจ

Vox.com รายงานว่า สมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเสนอร่างกฎหมายปกป้องพยาบาลและบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพจากเหตุรุนแรงระหว่างปฏิบัติงาน

ร่างกฎหมายใหม่ในชื่อ Workplace Violence Prevention for Health Care and Social Service Workers Act กำหนดให้โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ สถานพักฟื้น สถาบันสุขภาพจิต และเรือนจำต้องจัดทำแผนความปลอดภัยในสถานที่ทำงานเพื่อปกป้องบุคลากรจากเหตุรุนแรงโดยน้ำมือของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังกำหนดให้นายจ้างต้องบันทึกและสอบสวนข้อร้องเรียนเหตุรุนแรงทั้งหมดและห้ามการลงโทษพนักงานที่โทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉิน

สถิติจากปี 2559 รายงานว่าการบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 69 ของการบาดเจ็บจากการทำงาน และสูงกว่าเกือบ 5 เท่าเมื่อเทียบกับสถิติการบาดเจ็บจากการทำงานโดยเฉลี่ยในแรงงานชาวอเมริกัน เป็นที่น่าสนใจว่าสถิติการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์นั้นยังแซงหน้าตำรวจและพัสดีเสียด้วยซ้ำ และพยาบาลเป็นกลุ่มที่เผชิญกับเหตุรุนแรงบ่อยเป็นพิเศษ

“พยาบาลมักโดนขู่ ชก เตะ ทุบตี และโดนทำร้ายระหว่างปฏิบัติงานซึ่งบางครั้งก็เอากันถึงตายค่ะ” จีน รอส พยาบาลและผู้นำสหภาพพยาบาลเผย

ร่างกฎหมายซึ่งสนับสนุนโดย สส.โจ เคิร์ตนีย์จะส่งผลให้แนวทางปฏิบัติ Occupational Safety and Health Administration กลายสภาพเป็นกฎหมายใหม่ โดยคาดว่าการจัดทำแผนป้องกันเหตุรุนแรงจะกำหนดให้โรงพยาบาลต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด และฝึกอบรมบุคลากรให้รับมือกับสถานการณ์รุนแรง นอกจากนี้กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ครอบคลุมลูกจ้างทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพนักงานของโรงพยาบาลเองหรือลูกจ้างสัญญาช่วง

เหตุรุนแรงต่อบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพเป็นปัญหาระดับชาติของสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันสหรัฐอเมริกายังไม่มีกฎหมายรัฐบาลกลางที่บังคับให้โรงพยาบาลต้องพยายามปกป้องพยาบาลจากเหตุรุนแรงระหว่างปฏิบัติงาน อย่างไรก็ดีมีบางรัฐที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายของตนเองบ้างแล้ว เช่น รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งผ่านกฎหมายที่ว่ากันว่าเข้มงวดที่สุดในประเทศ โดยบังคับให้นายจ้างต้องจัดทำแผนป้องกันเหตุรุนแรงในที่ทำงาน ให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับจากลูกจ้าง

แต่ใช่ว่าเหตุรุนแรงกับพยาบาลจะเกิดขึ้นเฉพาะที่รัฐแคลิฟอร์เนียเสียเมื่อไร สถิติระหว่างปี 2005-2014 รายงานเหตุรุนแรงต่อบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพที่พุ่งขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับผลสำรวจอย่างเป็นทางการซึ่งชี้ว่าเฉพาะปี 2013-2014 มีพยาบาลที่เคยโดนทำร้ายขณะปฏิบัติงานถึงราว 1 ใน 4 จากการสำรวจพบว่าพยาบาลมักโดนผู้ป่วยเตะ ข่วน และดึงทึ้ง แต่ก็มีบางรายที่รุนแรงจนถึงแก่ชีวิต

ผู้เขียนเคยสัมภาษณ์พยาบาลซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาล California’s Central Valley โดยเธอเล่าว่า...คนไข้ถ่มน้ำลายใส่เธอ ตบเธอ กระทั่งขู่เอาชีวิตเธอในช่วง 5 ปีที่เธอทำงานเป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาล เรื่องราวมาถึงจุดแตกหักเมื่อปีก่อน ที่คนไข้ซึ่งกำลังเพ้อคลั่งถีบเธอเข้าอย่างจังที่ท้องน้อย จนกระเด็นไปชนผนังกระจกลงไปกองกับพื้นทั้งที่เธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่เสียดแทงใจเท่าท่าทีของผู้บริหารภายหลังเธอรายงานเหตุดังกล่าว

“ผู้จัดการทำหน้าประหลาดใจและถามกลับมาว่า ‘คุณไม่เคยโดนมาก่อนเลยเหรอ? เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเหรอ’ ผู้จัดการทำเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญและไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ยังเคราะห์ดีที่เธอไม่ถึงกับแท้งลูก

พยาบาลยังรายงานด้วยว่า นายจ้างต้องการให้พยาบาลทำเฉยกับเหตุรุนแรงจาการทำงาน และมักลงโทษหากพยาบาลแจ้งตำรวจ ซึ่งการบังคับให้พยาบาลก้มหน้าทนกับเหตุรุนแรงอาจเป็นสาเหตุของการที่เจ้าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพและนักสังคมสงเคราะห์มักได้รับบาดเจ็บจากการทำงานมากกว่าแรงงานในสายอาชีพอื่น กระทั่งกลุ่ม สส.ของพรรคเดโมแครตรวมตัวเสนอร่างกฎหมายปกป้องเจ้าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพและนักสังคมสงเคราะห์จากเหตุรุนแรงระหว่างปฏิบัติงาน

“ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้กองความปลอดภัยแรงงานของสหรัฐ (OSHA) ดำเนินมาตรการตามที่ลูกจ้าง ผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย และสมาชิกสภาคองเกรสเรียกร้องมานานหลายปี...ซึ่งนั่นก็คือการกำหนดมาตรฐานภาคบังคับเพื่อให้นายจ้างดูแลความปลอดภัยของลูกจ้างอย่างจริงจัง และสร้างสรรค์สถานที่ทำงานที่ปลอดภัยสำหรับลูกจ้างของตน” สส.เคิร์ตนีย์ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งถึงแหล่งข่าว

ขอบคุณที่มา

House Democrats introduce a bill to protect millions of health care workers (www.vox.com)