กำเนิดสภากาชาดไทย

เมื่อปีพระพุทธศักราช 2401 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แหลมอินโดจีนเริ่มถูกคุกคามเอกราชจากการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจ คือ ฝรั่งเศสและอังกฤษ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียการปกครองเขมรให้กับฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2406 สงครามการล่าอาณานิคมปะทุขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2435 เมื่อประเทศฝรั่งเศสส่งกำลังทหารบุกประเทศลาวซึ่งขณะนั้นอยู่ในการปกครองของไทย จึงเกิดปะทะกันขึ้นจนทำให้นายทหารฝรั่งเศสนายหนึ่งเสียชีวิต ฝรั่งเศสจึงใช้เหตุนี้เป็นอุบายเงื่อนไขในการรุกรานยึดครองดินแดนไทย เมื่อไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทางยุทธวิธีจึงขอร้องให้อังกฤษเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยแต่กลับถูกปฏิเสธ ไทยจึงถูกละทิ้งให้โดดเดี่ยว ส่งผลให้กลิ่นไอสงครามคลุกกรุ่นไปทั่วสยาม

ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ จึงชักชวน “วงศาญาติบุตรหลานและมิตรสหายทั้งเพื่อนหญิงที่รักชาติ” เรี่ยไรออกทรัพย์ตามแต่ศรัทธาตั้งขึ้นเป็น “สภาอุณาโลมแดง” เพื่อช่วยเหลือชาติบ้านเมือง ให้การรักษาพยาบาลแก่ ทหารบก ทหารเรือ และประชาชนผู้บาดเจ็บในยามสงคราม รวมทั้งจัดซื้อยาและสิ่งของที่ควรแก่การพยาบาลส่งไปทุกกองทัพ จากนั้นจึงกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี เป็น “ชนนีผู้บำรุงการ” พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีเป็น “สภานายิกา” สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวีทรงนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า “เห็นว่าเป็นความคิดอันดี ซึ่งต้องด้วยแบบอย่างประเทศทั้งปวง” จึงทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง “สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม” เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2436 ถือเป็นวันกำเนิดสภากาชาดไทย

จัดสร้างโรงพยาบาลสภาอุณาโลมแดง

พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี องค์สภานายิกา ทรงกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมเดชานุภาพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับเป็น “ ทานมยูปถัมภก” (หรือองค์บรมราชูปถัมภก) แห่งสภาฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 และทรงพระราชทานเงินส่วนพระองค์เป็นทุนในครั้งแรกจำนวน 80,000 บาท อีกทั้งยังทรงมีพระราชหัตถเลขาสำแดงพระราชหฤทัยให้เป็นที่เชื่อมั่นหมายแก่สภาอุณาโลมแดง ว่า “ชีวิตและทรัพย์สินของฉันกับกรุงสยามนี้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมิได้มีความหวงแหนเลย” นอกจากนี้ ยังทรงมีพระบรมราชโองการเวนคืนที่วังของกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศเพื่อจัดสร้างเป็นโรงพยาบาลสภาอุณาโลมแดง ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2436เป็นการเร่งด่วนทันที

ในเวลานั้นสถานการณ์ความขัดแย้งทรุดลง เกิดเหตุการณ์สู้รบกันขึ้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ทำให้มีทหารไทยบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยามจึงจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นเป็นการฉุกเฉินทันที ที่วัดมหาธาตุ เพื่อดูแลรักษาทหารและประชาชนผู้บาดเจ็บ ครั้งสงครามสงบลง โรงพยาบาลสภาอุณาโลมแดงยังคงกิจการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนเรื่อยมา โดยมีแพทย์หลวงจากกรมพยาบาลมาตรวจรักษา แต่เนื่องจากมีที่ตั้งติดกับบริเวณจัดสร้างพระเมรุมาศในสมเด็จพระบรมโอสราธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ที่ทรงสวรรคตลง จึงจำเป็นต้องหยุดกิจการนับเป็นเวลาเปิดทำการอยู่นานราว 7 ปี ส่วนสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยามนั้น ยังคงดำเนินกิจการอยู่ดังเดิม

จากโรงพยาบาลสภาอุณาโลมแดง สู่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชหัตถเลขาถึงพระราชโอรส กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ความว่า “ …สภาอุณาโลมแดงในกรุงนี้สงบเงียบหายไปเสียแล้ว ให้กรมยุทธนาธิการคิดจัดทั้งที่จะให้การเดินไป และที่จะแต่งตั้งผู้แทนไปประชุมเรื่องนี้ด้วย” ต่อมาจึงทรงเสด็จพระราชดำเนินไปรักษาพระอาการประชวร ณ ประเทศยุโรปกรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช ทรงกราบบังคมทูล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ผู้สำเร็จราชการรักษาพระนครในเวลานั้นว่า “ …… เวลานี้จึงเห็นเป็นไปว่า สภาอุณาโลมเงียบสงบไปเสียแล้ว แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถยังทรงพระกรุณาอุปถัมภ์การของสภาอุณาโลมนี้อยู่เสมอ…….เมื่อโปรดเกล้าให้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ดำริห์ในการที่จะจัดฟื้นสภาอุณาโลมนี้ขึ้นนั้น พระเดชพระคุณล้นเกล้าหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าจะได้กระทำการนี้โดยน้ำใจสุจริตยินดี ……ในที่จะจัดให้สภาอุณาโลมนี้ต่อไปภายหน้า มีทางจะทำได้ให้เป็นการถาวรมั่นคง คือ หาที่ตั้งขึ้นเป็นโรงพยาบาลของสภาอุณาโลมแดงนี้เสียก่อน…..”

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงตรัสในที่ประชุมเสนาบดีสภา วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2450 ว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ จะให้จัด (สภาอุณาโลมแดงฯ) ขึ้นไว้ให้มั่นคงสำหรับบ้านเมือง” แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพลันทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน ในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 เวลา 2.45 นาฬิกา ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สิริพระชนมายุได้ 57 พรรษา

จากนั้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 เป็นเวลาครบ 1 เดือนหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเงินส่วนพระองค์จำนวน 5,800 บาท เพื่อใช้จัดตั้งโรงพยาบาลสภาอุณาโลมแดง ทำให้พระราชโอรสพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์จึงทรงพร้อมพระทัยกันร่วมพระราชทานทรัพย์สมทบรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 122,910 บาท และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเงินของสภาอุณาโลมแดงที่มีอยู่ทั้งหมด 391,259 บาท 98 สตางค์เข้าสมทบเพิ่มเติม ซึ่งในจำนวนนี้มีเงินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่แรกตั้งสภาอุณาโลมแดงอยู่เป็นจำนวนถึง 80,000 บาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ จอมพลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม พระราชโอรสองค์ที่ 17 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รับหน้าที่ดำเนินการจัดสร้างโรงพยาบาลฯ จนสำเร็จสมบูรณ์ นับเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของประเทศ ณ เวลานั้น

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ปีพระพุทธศักราช 2457 พร้อมกับทรงมีพระราชดำรัสตอบในการเปิดโรงพยาบาลว่า “ในการบำเพ็ญกุศลถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถนั้น ย่อมต้องระลึกดูว่าจะทำการอย่างใด จึงจะเป็นที่พอพระราชหฤทัย เราและพี่น้องจะฉลองพระเดชพระคุณได้ในทางใด หรือถึงแม้เสด็จสวรรคตล่วงลับไปแล้ว ถ้ามีวิธีใดที่จะทำให้ทราบถึงพระองค์ได้นั้น การอย่างใดจะเป็นที่พอพระราชหฤทัย เมื่อระลึกดูดังนี้ก็เห็นได้ว่า ตลอดเวลารัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถย่อมพอพระราชหฤทัยในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินที่ทรงปกครอง สิ่งไรทำขึ้นให้นำมาซึ่งความสุขความสำราญแก่ประชาชน สิ่งนั้นย่อมพอพระราชหฤทัยยิ่งนัก…จึงตกลงกันว่า ถ้าสร้างโรงพยาบาลขึ้นเป็น “ราชานุสาวรีย์” คงจะเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นแน่แท้”

การจัดสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แห่งสภากาชาดไทยนี้ได้สำเร็จลุล่วงตามพระราชปณิธานแห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ถึง 2 พระองค์ เป็นพระวิริยะอุตสาหะอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 18 ปี (พ.ศ. 2436-2454) กว่าจะได้จัดสร้างจนสำเร็จลุล่วง จึงทรงพระราชทานนามโรงพยาบาลแห่งสภาฯ นี้ใหม่ว่า“โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” “พระราชานุสาวรีย์” แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เก็บความจาก

ผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ . กำเนิดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย.