กรมสุขภาพจิตเผยคนไทยมีแนวโน้มเครียดกันมากขึ้น ผลการให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ปี 60 พบปัญหาเครียด วิตกกังวลอันดับ 1 เกือบ 30,000 สาย เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 57 เป็นวัยทำงานมากที่สุด แนะเทคนิคลดเครียดให้วัยทำงานยึด 10 วิธีปฏิบัติ
นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโรคเครียดว่าว่า สภาพการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร วิถีชีวิตที่เร่งรีบ ส่งผลให้ประชาชนทั้งเขตเมืองและชนบทเผชิญกับความเครียดทุกวันอย่างไม่รู้ตัวและหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยอาการมากน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางอารมณ์สภาพแวดล้อมและความสามารถในการปรับตัวของแต่ละคน กลุ่มที่น่าห่วงมากคือวัยทำงาน เนื่องจากต้องรับผิดชอบหลายอย่างทั้งครอบครัวและที่ทำงาน
ผลการให้บริการทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ในปี 2560 พบว่าปัญหาที่ขอรับบริการมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่เรื่องความเครียด วิตกกังวล รวม 27,737 สาย คิดเป็นร้อยละ 40 ของสายที่โทรขอรับบริการทั้งหมด 70,268 สาย โดยจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีจำนวน 14,935 สาย กลุ่มอายุที่ใช้บริการมากที่สุดคือ อายุ 22-59 ปีคิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รองลงมาคือกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-21 ปี ร้อยละ 15 ที่เหลือเป็นผู้สูงอายุ
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีความเครียด หากปล่อยความเครียดสะสม จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตการทำงานและชีวิตประจำวัน มีปัญหาสัมพันธภาพกับเพื่อนร่วมงานและคนรอบข้าง ความสามารถในการทำงานลดลงหรือผิดพลาดบ่อย และที่สำคัญความเครียดจะมีผลให้ภูมิต้านทานโรคลดลงที่เห็นได้ชัดเจนคือ เป็นหวัดได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีผลให้การทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ เกิดเป็นโรคเรื้อรังได้ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มีบุตรยากขึ้น เป็นต้น ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้ทำงานทุกคน ยึดหลักปฏิบัติ 10 วิธีเพื่อช่วยลดความเครียด ดังนี้
1. ออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาทีทุกวัน หรือให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ (Endorphins) จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายอาการเครียด สมองโล่ง และอารมณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 90 -120 นาทีหลังออกกำลังกาย ช่วยให้นอนหลับสนิทและนานขึ้น
2. สร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน โดยใช้คำพูดเหล่านี้ให้ติดปาก ได้แก่ สวัสดีเพื่อทักทาย ขอโทษ ขอบคุณ ชื่นชมอย่างจริงใจเมื่อเพื่อนร่วมงานทำดี
3. สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ด้วยการแสดงน้ำใจช่วยเหลือกัน ห่วงใยกัน ให้กำลังใจกัน
4. ระหว่างการทำงานควรพักบ้างเพื่อผ่อนคลาย อาจใช้วิธีหลับตาเพื่อพักสายตา 5-10 นาที หรือเดินยืดเส้นยืดสายก็ได้
5. ใช้สติจัดการกับอารมณ์
6. บริหารจัดการเวลาทำงานอย่างเหมาะสม ให้งานเสร็จทันเวลากำหนด
7. กล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น บอกความต้องการในเชิงสร้างสรรค์
8. สร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง โดยให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอว่า“เราต้องทำได้”
9. ฝึกนิสัยการออมรายได้ส่วนหนึ่งไว้เพื่ออนาคต การมีเงินออมจะทำให้เรามีความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ
และ 10.ต้องแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี อย่าหนีปัญหา โดยแก้ที่สาเหตุ หากแก้ไม่ได้ อย่าอาย หรือกลัวเสียหน้า ขอให้ปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากคนที่ไว้วางใจ
- 879 views