“หมอมงคล” ย้ำระบบรัฐสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลต้องเป็นสิทธิของประชาชนทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน ชี้หากเลือกสงเคราะห์เฉพาะคนจน แล้วคนที่เลยเส้นแบ่งความจนขึ้นไปจะมีกี่คนที่ไม่ล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาล อัดรัฐมีของดีที่ทั่วโลกให้การยอมรับแต่กลับมองเป็นภาระทางการเงิน แต่เวลาซื้อของไม่เข้าท่าทั้งหลายกลับบอกว่าเป็นสิ่งจำเป็น

นพ.มงคล ณ สงขลา

นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง ประเด็นเรื่องสวัสดิการการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ประเด็นของแคมเปญ “We Walk...เดินมิตรภาพ” ว่า ระบบสวัสดิการด้านสุขภาพของประเทศไทยเป็นสิ่งที่ทำได้ดี ได้รับการยกย่องไปทั่วโลกทั้งจากองค์การสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก มีหลายประเทศมาดูงานในไทย เช่น จีน เวียดนาม แล้วนำกลับไปปรับใช้ แต่ภาครัฐของไทยกลับมองเรื่องนี้ว่าเป็นภาระด้านการเงิน ไม่ได้มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าการสาธารณสุข การดูแลสุขภาพประชาชน เป็นการสร้างกำลังในการพัฒนาประเทศ

นพ.มงคล กล่าวอีกว่า การคิดว่าระบบสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลเป็นภาระ เป็นการคิดที่ไม่มีเหตุผล ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีการเก็บข้อมูลพบว่าในปีหนึ่งๆ มีนับแสนครอบครัวที่ล้มละลายจากภาระการรักษาพยาบาล แต่ปัจจุบันไม่เห็นภาพเหล่านี้แล้ว ดังนั้นทำไมต้องไปลดความสุขของคนยากจนคนยากไร้ โดยทำสวัสดิการในลักษณะของการสังคมสงเคราะห์ เลือกดูแลเฉพาะคนจนซึ่งก็เป็นเรื่องยากในการบอกว่าใครจนหรือไม่จน

“สำหรับคนจนนั้นจนอยู่แล้ว แต่คนที่เลยเส้นแบ่งความจนขึ้นไปจำนวนเท่าไหร่ล่ะที่รอล้มละลายเมื่อเจ็บป่วย ไม่เคยมีใครศึกษาในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องการรักษาพยาบาลต้องเป็นสิทธิของประชาชนทุกคนไม่ว่าจนหรือรวยจะต้องมีสิทธิเท่าๆ กัน แล้วทุกคนก็จะได้มีพลังในการสร้างชาติ” นพ.มงคล กล่าว

นพ.มงคล กล่าวต่อไปว่า การใช้เครื่องมือรณรงค์แค่การเดินอาจมีคนเห็นระหว่างทางไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันปลุกพลังของคนที่ได้รับสิทธิให้ตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย ผู้ล้างไต ผู้ที่ได้รับยาเอดส์ ยามะเร็ง รวมทั้งคนที่ครอบครัวเคยล้มละลายจากการรักษาพยาบาล คนเหล่านี้มีความรู้สึกอยู่ ถ้าปลุกกันจริงๆ ให้เครือข่ายเหล่านี้เข้าใจว่าถ้าสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลหายไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็น่าจะมีคนเป็นล้านๆ คนที่จะเข้ามาปกป้องระบบหลักประกันสุขภาพ

“มันเป็นความฉลาดมากหรือน้อยของผู้บริหารประเทศ ทำไมเราถึงไม่ทำในสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น แต่กลับทำลาย ไปบั่นทอนให้พลังในการดูแลผู้ป่วยผู้ยากไร้ลดลง มองว่าเรื่องนี้เป็นประชานิยม ไม่ชอบใจกับคำว่าประชานิยม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำประชานิยมตลอดเวลา คิดว่าเรื่องนี้เป็นภาระแต่เวลาซื้อของไม่เข้าท่าทั้งหลายกลับบอกว่าเป็นสิ่งจำเป็น” นพ.มงคล กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.มงคล ได้เปิดบ้านใน จ.นครราชสีมา ให้ขบวนเดินมิตรภาพเข้าพักในช่วงที่เจ้าหน้าที่รัฐกดดันวัดไม่ให้ผู้เดินรณรงค์เข้าพัก โดย นพ.มงคล ให้เหตุผลว่า คนเหล่านี้ไม่ได้ทำเพื่อหาประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการทำเพื่อผู้เดือดร้อนผู้ยากไร้ ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวมในทุกๆ เรื่อง เพราะฉะนั้น คนที่ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ถ้าไม่ช่วยปกป้อง ไม่ช่วยดูแล แล้วจะเหลือคนดีในประเทศได้อย่างไร