ปส.ยืนยันอำนาจออกใบอนุญาตเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรมเป็นของคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (คกก.พปส.) มาตั้งแต่ปี 2508
ปส.แจงกรณีทันตแพทย์เปิดเผยว่า เดิมมีการขึ้นทะเบียนเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วพ.) อยู่แล้ว นั้น ปส.ขอยืนยันว่าการขึ้นทะเบียนกับ วพ.เป็นเพียงการยื่นเอกสารเพื่อขอรับใบอนุญาต ซึ่งอำนาจการออกใบอนุญาตเป็นของคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (คกก.พปส.) (ชื่อเดิม) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นเลขานุการ
ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์
ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กล่าวว่า เมื่อช่วงก่อน พ.ศ. 2550 ปส.มีกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขและวิธีการขอรับใบอนุญาต และออกใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504 พ.ศ. 2546 กำหนดให้ยื่นเอกสารคำขอรับใบอนุญาตเครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์ เครื่องเอกซเรย์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วพ.) โดยอำนาจการออกใบอนุญาตเป็นของคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (คกก.พปส.) (ชื่อเดิม) จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2550 ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข วิธีการขอรับใบอนุญาต และการดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุต้นกำลัง วัสดุพลอยได้ หรือพลังงานปรมาณู พ.ศ. 2550 พร้อมยกเลิกกฎกระทรวงเดิม โดยได้กำหนดให้มีการยื่นคำขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ปส. และในปีเดียวกันได้มีการโอนข้าราชการจาก วพ. บางส่วนที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์มาปฏิบัติงานที่ ปส. เพื่อสานต่องานเกี่ยวข้องต่อไป
ปส.จึงขอย้ำเพื่อความชัดเจนและสร้างความเข้าใจที่ตรงกันว่า กระบวนการขออนุญาตเครื่องกำเนิดรังสีทุกประเภทที่ผ่านมาเป็นอำนาจของคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยมี วพ.เป็นหน่วยงานสนับสนุน และทำงานร่วมกับ ปส.มาโดยตลอด
ดร.อัจฉรา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 ไม่ได้ระบุให้มีการกำกับดูแลเครื่องกำเนิดรังสีไว้ ต่อมาจึงเกิดพระราชบัญญัติฉบับแก้เพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2508 ที่แสดงชัดเจนว่ามีการกำกับเครื่องกำเนิดรังสี รวมถึงทางการแพทย์ด้วย แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ยังไม่ได้คุมตั้งแต่การนำเข้า ครอบครอง จึงไม่สามารถทราบได้ว่าสถานที่แห่งใดมีการครอบครอง และใช้เครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์ ทำให้ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเต็มที่
พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ได้ถูกปรับปรุงมาจากพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2508 เพื่อควบคุมตั้งแต่การนำเข้า ครอบครองหรือใช้ ส่งออก รวมถึงการทำ หรือผลิตขึ้นเองภายในประเทศ ทำให้สามารถกำกับได้ตั้งแต่ต้นทาง จะสามารถดูแลความปลอดภัยทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- 20 views