เปิดมิติใหม่ ระบบบริการสุขภาพผู้ต้องขัง สปสช.จับมือ เรือนจำกลางนครราชสีมา สสจ.นครราชสีมา รพ.เดอะโกลเดนเกท เปิดห้องเอกซเรย์ในเรือนจำเป็นแห่งแรกของประเทศ รุกดูแลสุขภาพผู้ต้องขัง วินิจฉัยโรคและติดตามรักษา ลดปัญหาส่งต่อรักษา รพ.นอกเรือนจำ ช่วยผู้ต้องขังเข้าถึงบริการสุขภาพเพิ่ม
นพ.ชูชัย ศรชำนิ
นพ.ชูชัย ศรชำนิ รองเลขาธิการ ในฐานะรักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นกลุ่มเปราะบางที่ยังมีปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา สปสช.จึงมีนโยบายในการดูแลผู้ต้องขังเพื่อให้เข้าถึงสิทธิ การคัดกรองโรค การส่งเสริมสุขภาพ และการรักษาที่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะโรคติดต่อที่สำคัญ และการอนามัยแม่และเด็ก โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2560-2564) ที่ให้ดำเนินงานสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มเปราะบาง โดยร่วมกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยบริการเอกชน ทั้งยังเป็นการสนองต่อแนวพระราชดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในการรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ
ทั้งนี้จากข้อมูลทะเบียนผู้ต้องขังตามที่ สปสช.ได้ประชุมร่วมกับกรมราชทัณฑ์เพื่อจัดทำระบบทะเบียนผู้ต้องขังในเรือนจำ ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2559 มีผู้ต้องขังที่มีสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 248,002 คน คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้ต้องขังทั้งหมด
นพ.ชูชัย กล่าวว่า สำหรับการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในพื้นที่เขต 9 นครราชสีมา ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา สปสช.เขต 9 นครราชสีมา ร่วมกับโรงพยาบาลเดอะโกลเดนเกท ซึ่งเป็นหน่วยบริการเอกชนภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และเรือนจำกลางนครราชสีมา ได้จับมือร่วมกันเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพผู้ต้องขังและดำเนินการต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มีผู้ต้องขังในความรับผิดชอบจำนวน 3,706 คน ซึ่งไม่เพียงแต่มีรูปแบบการจัดบริการสุขภาพผู้ต้องขังทั้งเชิงรุกและตั้งรับแบบครบวงจร แต่ยังมีการจัดแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งภายในโรงพยาบาลเดอะโกลเดนเกทเพื่อรองรับผู้ต้องขังเป็นผู้ป่วยใน ตามมาตรฐานห้องผู้ป่วยของกรมราชทัณฑ์ โดยมีการติดกล้องวงจรปิดแทนการใช้โซ่ตรวน
นอกจากนี้ยังมีการจัดการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในเชิงรุก เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคที่เป็นปัญหา อาทิ วัณโรคและเอดส์ เป็นต้น โดยมีการจัดทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำ พร้อมกับติดตามการรักษาผู้ป่วยต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัณโรคที่มีปัญหาดื้อยาเพื่อให้หายขาด พร้อมกันนี้ยังได้มีการจัดบริการงานทันตกรรม งานสุขภาพจิต
“ในปี 2559 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังเชิงรุก ได้มีการเปิดห้องเอกซเรย์ในสถานพยาบาลของเรือนจำกลางนครราชสีมา โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้เปิดให้บริการตรวจเอกซเรย์แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นมา นับเป็นการเปิดมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำอย่างครบวงจร สะดวก รวดเร็วในการวินิจฉัยโรค ลดปัญหาการนำส่งผู้ต้องขังไปตรวจรักษาต่อยังโรงพยาบาล โดยให้บริการผู้ต้องขังครอบคลุมทุกสิทธิ เป็นการเพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน และเป็นต้นแบบของการจัดระบบ” รักษาการเลขาธิการ สปสช. กล่าว
- 24 views