“หมอมงคล” ยืนยันมติ คกก.กำลังคนด้านสุขภาพเห็นชอบผลการศึกษา แผนกำลังคนด้านสุขภาพทศวรรษหน้า ระบุข้อมูลชี้ชัด นักสาธารณสุขล้น อนาคตเรียนจบไม่มีงานทำ ชี้ต้องจำกัดการผลิตเพิ่ม ลดความสูญเสียทรัพยากรคนของประเทศ หลังมีสถาบันการศึกษา 90 แห่ง แห่เปิดหลักสูตรเพื่อมุ่งหารายได้หลังออกนอกระบบ แนะต้องเน้นสนับสนุนผลิตคนในวิชาชีพที่ยังต้องการจำนวนมากทั้งงานช่าง งานเทคนิค และงานไอที หนุนพัฒนาประเทศ ย้ำการพิจารณา คกก.กำลังคนด้านสุขภาพ ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เป็นความปรารถนาดี

นพ.มงคล สงขลา

นพ.มงคล สงขลา ประธานคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขเสนอให้มีการทบทวนผลการศึกษา การวางแผนกำลังด้านสุขภาพของประเทศไทยในทศวรรษหน้า (พ.ศ.2560-2569) ตามที่คณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติได้เห็นชอบว่า จากข้อมูลที่นำเสนอโดยคณะอนุกรรมการวางแผนกำลังคนด้านสุขภาพ มี นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นประธาน ซึ่งได้ทำการวิจัยพบว่า ขณะนี้มีการผลิตนักสาธารณสุขออกมามากแล้ว และใน 3-4 ปีข้างหน้านี้นักสาธารณสุขจะถูกผลิตออกมาจนล้น และขณะนี้เท่าที่ดูตัวเลขนักสาธารณสุขมีจำนวนที่เกินความต้องการแล้ว หากสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มีถึง 90 แห่ง ยังเร่งผลิตเพิ่ม ขณะที่จำนวนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) กำลังเริ่มลดลงต่อเนื่อง จากการพัฒนาประเทศที่ทำให้ความเป็นชนบทเริ่มหายไป โดยมีความเป็นเมืองเข้าไปทดแทน จึงเป็นไปได้ยากที่จะเพิ่มงานเพื่อรองรับนักวิชาการสาธารณสุขที่ถูกผลิตเพิ่ม

ทั้งนี้เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้จึงต้องมีการทบทวน ซึ่งประเทศไทยยังมีงานอื่นๆ ที่ยังต้องการกำลังคนอีกมาก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ไม่ว่าจะเป็นงานช่าง งานเทคนิค งานด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เนื่องจากความเป็นเมืองได้ถูกขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ขณะที่พื้นที่การเกษตรที่ลดลง จึงต้องมีการผลิตบุคลากรที่มีฝีมือเพื่อนำไปเสริมในส่วนที่ยังขาด แล้วทำไมจึงจะยังมุ่งที่จะไปผลิตบุคลากรวิชาชีพที่จบมาแล้วไม่มีงานทำ ดังนั้นหากเราเห็นแก่ประเทศชาติจะต้องไม่สร้างทรัพยากรที่สูญเสีย ซึ่งการศึกษามีข้อมูลที่ชัดเจน

“วันนี้แม้แต่แพทย์เองก็ไม่ต้องเร่งผลิตเพิ่มแล้ว เพราะการผลิตในอัตราปกติที่เป็นอยู่นั้นเพียงพอกับการสูญเสียแล้ว ขณะที่อัตราการเพิ่มประชากรของประเทศยังลดลง แม้ว่าจะมีแนวโน้มผู้สูงอายุมากขึ้น แต่จำนวนการผลิตเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เช่นเดียวกับนักสาธารณสุข ซึ่งหากยังคงเร่งการผลิตอย่างเดิม อีกหน่อยคนจะเหลือและไม่มีงานทำ ดังนั้นจึงควรหันมุ่งผลิตวิชาชีพอื่นที่ยังมีความต้องการอยู่มาก เพราะไม่เช่นนั้นเราคงไปแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้ เรื่องนี้เราต้องดูให้ดี”

ส่วนที่มีการระบุว่า ขณะนี้นโยบายด้านสุขภาพของประเทศได้เน้นให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่มีวิชาชีพสาธารณสุขเป็นผู้ปฏิบัติที่สำคัญเพื่อทำให้บรรลุได้ นพ.มงคล กล่าวว่า งานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกับจำนวนนักสาธารณสุขที่มีอยู่เกินพอแล้ว และเรารู้อยู่ว่าการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลที่ต้องทำด้วยตนเอง ทั้งการเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ กินอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย เป็นต้น ซึ่งการมีการศึกษาที่ดีและความตระหนักสามารถช่วยไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ขณะที่คำแนะนำนั้นมีผลไม่ถึง บางครั้งยังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ซึ่งการที่ผลิตเพื่อถมคนลงไปทำเรื่องนี้มากๆ และคิดว่าจะทำให้เกิดการส่งเสริมสุขภาพนั้นไม่มีทาง ดังนั้นเราควรใช้นักสาธารณสุขในจำนวนที่มีอยู่ให้ดีที่สุด  

“ขณะนี้จำนวนนักสาธารณสุขเกินความต้องการอยู่แล้ว ทำอย่างไรไม่ให้มีการเร่งผลิตเพิ่มและควรต้องหยุดเลยทันที ซึ่งปีนี้รับรองว่าเมื่อนักศึกษาที่เรียนหลักสูตรนักสาธารณสุขออกมาก็จะยังไม่มีงานทำ แล้วเราจะปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปหรือไม่ เมื่อเกิดการเดินขบวนแล้วเราจะไปหางานที่ไหนให้เขาทำ ตรงนี้อยากให้คิดให้ดี”

นพ.มงคล กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันการศึกษาที่ต้องออกนอกระบบ ทำให้ต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงตนเอง จึงมีการเปิดหลักสูตรในสาขาต่างๆ เพื่อหารายได้ และวิชาชีพสาธารณสุขก็เป็นหลักสูตรหนึ่ง โดยเรื่องนี้ได้มีการคุยกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่ต้องจำกัด ไม่ใช่สถาบันการศึกษาไหนอยากเปิดหลักสูตรนี้ก็เปิดได้ ซึ่งหลัง สกอ.เห็นตัวเลขแล้วต่างวิตกกังวลว่าจะเป็นการลงทุนด้านทรัพยากรคนที่สูญเปล่า และความสูญเสียนี้จะทวีมากเป็น 2-3 เท่าและจะเรียกคืนกลับมาไม่ได้ เรื่องนี้เรามีการมองภาพรวมทั้งระบบ มีการศึกษาวิจัยในหลายมิติ ไม่ใช่นั่งคิดเองนึกเอง แต่มีข้อมูลที่ชัดเจน จึงเห็นควรที่จะสนับสนุนการสร้างบุคลากรในด้านอื่นๆ ที่ยังเป็นที่ต้องการของประเทศมากกว่า

“สถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ออกนอกระบบ ตอนนี้ต่างต้องสร้างรายได้และเงินบำรุงสถาบัน ปีที่แล้วสถาบันการศึกษาต่างๆ ต้องการนักศึกษาเข้าเรียนในสถาบันจำนวน 120,000 คน แต่มีนักศึกษาเข้าเรียนจริงเพียงแค่ 70,000 คน จากสถานการณ์นี้ เริ่มมีสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เริ่มตกเขียว โดยไปชักชวนนักเรียนระดับมัธยมที่ใกล้จบให้มาเรียนสถาบันของตนเอง จะเห็นได้ว่าแม้แต่มิติสถาบันเองได้เปลี่ยนไป ดังนั้นหากเรายังเดินตามรอยเดิมคงไม่ได้” 

นพ.มงคล กล่าวทิ้งท้ายว่า ในเรื่องนี้คณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพ ได้พิจารณาไปตามข้อมูลซึ่งได้มีการศึกษาและข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ไม่มีใครอยากทำความเดือดร้อนให้ใคร ทุกคนต่างอยากให้ผู้ที่กำลังศึกษาหรือที่จะเข้าสู่สถาบันการศึกษามีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและมีชีวิตที่ดี จบแล้วต้องมีงานทำ ไม่ใช่จบแล้วตกงาน หางานทำไม่ได้ ไม่มีอาชีพ ซึ่งนอกจากทำให้ตัวเองสูญเสียโอกาสแล้ว ประเทศชาติยังเสียประโยชน์ไปด้วย ดังนั้นจึงอย่ากังวลว่ามติของคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพที่เห็นชอบนี้จะไปมุ่งทำร้ายใคร แต่เป็นความปรารถนาดีต่อผู้ที่กำลังเลือกเส้นทางอาชีพตนเอง และปรารถนาต่อประเทศในการจัดทรัพยากรคนให้เหมาะสมกับการพัฒนาประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผลศึกษาชี้ 10 ปีข้างหน้า วิชาชีพสาธารณสุข ‘คนจะล้นงาน’ เหตุไม่วางแผนผลิต

ชวส.ค้านผลศึกษา 10 ปี วิชาชีพสาธารณสุขคนจะล้นงาน

สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข ยื่นหนังสือ สช.ทบทวนผลศึกษากำลังคนสุขภาพทศวรรษหน้า