กระทรวงสาธารณสุข ส่งหน้ากากอนามัยอีก 147,000 ชิ้นให้ 7 จังหวัดภาคใต้ ป้องกันสูดฝุ่นละอองควันไฟป่าจากอินโดนีเซีย และจัดส่งหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษให้ผู้ป่วย 3 โรคอาการกำเริบง่ายแม้ค่าปริมาณฝุ่นไม่มาก ได้แก่ โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคถุงลมปอดโป่งพอง ขณะนี้ที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลในจังหวัดสงขลา พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เช่น ไอ แสบคอ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ 2-5 เท่าตัว ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดติดตามประเมินสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนใกล้ชิด
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ จากปัญหาฝุ่นละอองควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซีย ว่า ผลกระทบจากละอองควันไฟ มีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้น เนื่องจากจุดไฟไหม้ที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้นทุกจังหวัดจึงมีความเสี่ยงตลอดเวลา จึงได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขใน 7 จังหวัดที่มีหมอกควันปกคลุม ได้แก่ สุราษฏร์ธานี ภูเก็ต สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง ติดตามเฝ้าระวัง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนให้น้อยที่สุด ประสานการทำงานร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน้ากากอนามัย 140,000 ชิ้น ให้ 7 จังหวัดที่กล่าวมา จังหวัดละ 20,000 ชิ้น เพื่อแจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และจัดส่งหน้ากากชนิดพิเศษจังหวัดละ 1,000 ชิ้นให้ผู้ที่มีโรคประจำตัว 3 โรค ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคหอบหืด และโรคถุงลมปอดโป่งพองเรื้อรัง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะเกิดอาการกำเริบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แม้จะมีปริมาณฝุ่นเพียง 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นค่าที่ยังไม่เกินมาตรฐานก็ตาม หน้ากากอนามัยชนิดนี้จะป้องกันฝุ่นได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์
สำหรับผลกระทบสุขภาพได้รับรายงานว่า ที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในสังกัด พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เช่นที่จังหวัดสงขลา มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เช่นไอ เจ็บคอ คัดจมูก เข้ารักษามากกว่าช่วงปกติ 2-5 เท่าตัว ผู้ป่วยโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าตัว ส่วนโรคหัวใจพบมีอาการผิดปกติเช่นหายใจหอบ เข้ารักษาวันละประมาณ 9 คน ยังไม่พบรายใดอาการรุนแรง โดยสถานบริการทุกระดับได้เตรียมพร้อมเวชภัณฑ์ฉุกเฉินดูแลอย่างเต็มที่ หากประชาชนมีอาการผิดปกติเช่น เหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก คลื่นไส้ ใจสั่น ปวดศีรษะ สามารถเข้ารับบริการตลอด 24 ชั่วโมง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสูดละอองควันไฟ หากไม่จำเป็นขอให้อยู่ในบ้าน เนื่องจากปริมาณฝุ่นในบ้านจะต่ำกว่านอกบ้านประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้น และขับฝุ่นละอองได้ง่ายขึ้น สำหรับประชาชนทั่วไปหากไม่มีหน้ากากอนามัย สามารถใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดจมูก จะช่วยป้องกันได้ ในกลุ่มที่ใช้รถจักรยานยนต์สัญจร จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสสูดฝุ่นละอองควันไฟขณะขับขี่ได้มาก จึงขอให้สวมหมวกกันน็อค หากเป็นชนิดที่มี ฝาครอบกันลมด้านหน้าจะช่วยได้มาก และสวมแว่นกันลม คาดหน้ากากอนามัยป้องกันด้วย ได้ให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 11 และ12 ติดตามเฝ้าระวังและให้ความรู้ คำแนะนำประชาชนร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดต่อเนื่อง
- 1 view