อย.เผยรายชื่อยาต้องห้าม 11 รายการ ห้ามนำเข้าประเทศญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด จัดเป็นกลุ่มยาบรรเทาอาการหวัดที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสมและยาแก้ท้องเสีย ซึ่งญี่ปุ่นไม่ให้นำเข้ายาที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ไม่ว่าจะนำเข้าไปเพื่อรักษาตัว หรือใช้ทางการแพทย์ หากนำเข้าจะถูกยึดและดำเนินคดีได้ จึงขอแจ้งเตือนพร้อมข้อแนะนำ รวมทั้งศึกษารายละเอียดถึงข้อห้าม ข้อจำกัดของแต่ละประเทศให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดต่อกฎหมายประเทศนั้นๆ

ขอบคุณภาพจาก www.priceza.com

ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการส่งข่าวทาง line ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นห้ามนำยาที่เป็น กลุ่มเสี่ยง จำนวน 11 รายการ เข้าประเทศโดยเด็ดขาดหากนำเข้าอาจโดนดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น จากการตรวจสอบพบว่ายาที่เป็นข่าวเป็นยาที่ใช้บำบัด บรรเทารักษาอาการเจ็บป่วยใน 2 กลุ่มอาการ คือ กลุ่มยาบรรเทาอาการหวัด ได้แก่ยาที่มีชื่อการค้าตามรายการที่ 1 – 10 เป็นยาที่มีตัวยาสำคัญในการใช้แก้ ปวด ลดไข้ บรรเทาอาการไอ คัดจมูก แพ้อากาศ ลดน้ำมูก เป็นต้น โดยยาหลายรายการมีสาร ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็นส่วนผสม ส่วนยาในลำดับที่ 11 ใช้สำหรับบรรเทาอาการท้องเสีย มีสารสำคัญที่ จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ทั้งนี้ยาทั้ง 11 รายการ เป็นยาที่ไม่มีทะเบียนตำรับยาในประเทศไทยแล้ว

รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อว่า ฝากข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะต้องนำยาติดตัวเพื่อใช้เฉพาะตนเมื่อ เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นว่าอย่าแกะยาออกจากแผงบรรจุยาที่มีชื่อยาระบุไว้ และปริมาณไม่ควรเกินการใช้ 30 วัน ในการรักษาตนเอง ส่วนในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เกิน 30 วัน หรือเป็นยาที่มีส่วนผสมของยาเสพติดให้โทษที่ใช้ทางการแพทย์ต้องมีมาตรการควบคุมเป็นกรณีพิเศษ เช่น ยาแก้ปวดที่มีส่วนประกอบเฟนทานิล (Fentanyl) เพทิดีน (Pethidine) เป็นต้น ต้องทำเรื่องขอและได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อใช้รักษาเฉพาะตัวก่อนออกเดินทาง พึงระลึกไว้เสมอว่ากลุ่มยาต้องห้ามนำเข้าเด็ดขาด คือ ยาเสพติดให้โทษ ยาที่มีฤทธิ์ กระตุ้นประสาทส่วนกลาง เช่น ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีระบบการตรวจสอบการนำเข้ายาอย่างเข้มงวด ทั้งยานำมาด้วยตัวเอง ทางเครื่องบินโดยสาร หรือยาที่ส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์ หากนำเข้าไปก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกควบคุมตัว และดำเนินคดีตามกฎหมายของญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละประเทศมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน จึงควรศึกษารายละเอียดของข้อห้าม ข้อจำกัดของแต่ละประเทศให้เข้าใจก่อนออกเดินทางเพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดกฎหมาย และเดินทางได้อย่างมีความสุข

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ตามที่มีการรายงานกรณีชาวต่างชาติถูกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นควบคุมตัวเนื่องจากสั่งยาแก้ปวดชนิดหนึ่งเข้าประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากยาแก้ปวดชนิดนั้นเป็นยาที่รัฐบาลญี่ปุ่นห้ามนำเข้ามาประเทศ เพราะเป็นยาที่มีส่วนผสมต้องห้ามภายใต้กฎหมายของญี่ปุ่น สถานทูตฯ ขอแจ้งตัวอย่างรายชื่อยาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายและห้ามนำเข้ามาในญี่ปุ่น ดังนี้

1. TYLENOL COLD
2. NYQUIL
3. NYQUIL LIQUICAPS
4. ACTIFED
5. SUDAFED
6. ADVIL COLD & SINUS
7. DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS”
8. DRISTAN SINUS
9. DRIXORAL SINUS
10. VICKS INHALER
11. LOMOTIL

*อ้างอิงรายชื่อยาจากเว็บไซต์สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำนครซีแอทเทิล

รัฐบาลญี่ปุ่นมีระบบการตรวจสอบการนำเข้ายาอย่างเข้มงวด ทั้งยานำมาด้วยตัวเองทางเครื่องบินโดยสาร หรือยาที่ส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์ สถานทูตฯจึงขอเตือนคนไทยทุกคนให้พึงระวังการนำยาเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น หากนำเข้ามาก็มีความเป็นไปได้ที่จะโดนควบคุมตัวและดำเนินคดีตามกฎหมายญี่ปุ่น”