กระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพรองรับเศรษฐกิจยุคดิจิตอล สร้างระบบคลังข้อมูลด้านการรักษาพยาบาล การเจ็บป่วย บริการต่างๆ เป็นฐานข้อมูลมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งเพิ่มข้อมูลรายบุคคลที่จำเป็น อาทิ การแพ้ยา โรคประจำตัว ในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เพื่อความปลอดภัยประชาชน รักษาที่ไหนก็ได้ คาดว่าจะเริ่มได้เร็วๆ นี้
วันนี้ (10 มิถุนายน 2558) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กทม. นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2558 และมอบโล่เกียรติคุณแก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลและโล่รางวัลให้ผู้ชนะการประกวดนวัตกรรมเอ็มเฮ๊ลท์ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์พกพาครั้งแรกของสำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปต่อยอดใช้งานได้จริงและตรงใจประชาชนต่อไป เช่น แอปพลิเคชันสำหรับ การดูแลผู้ป่วยที่บ้านตามนโยบายของหมอครอบครัว
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญของระบบดิจิตอล ตั้งเป้าวางรากฐานไทยไปสู่โลกดิจิตอลที่ไร้พรมแดน ถือเป็นนโยบายใหม่ของประเทศไทย ซึ่งแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายดิจิตอลของรัฐบาลนั้นที่มีอยู่หลายประการ อาทิ การสร้างเครือข่ายข้อมูลสุขภาพของประชาชนระหว่างโรงพยาบาล เป็นต้น เพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตให้สูงขึ้น สร้างโครงข่ายแห่งชาติเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ การพัฒนาระบบดิจิตอลเพื่อรองรับการให้บริการอย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับบริการและข้อมูลข่าวสารผ่านทางแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลในสังกัด เร่งพัฒนาระบบคลังข้อมูลด้านสุขภาพและการแพทย์ (Health Data Center : HDC) ที่ได้ตรงจากหน่วยบริการทุกแห่งทุกระดับในพื้นที่ อาทิ การรักษาพยาบาล ปัญหาสุขภาพหลักของประชาชน การส่งเสริมสุขภาพ การฉีดวัคซีน งานอนามัยแม่และเด็ก การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยและผู้พิการต่างๆให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เป็นฐานข้อมูลมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดทุกระดับ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาคและพื้นที่ นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบบริการ การกำหนดยุทธศาสตร์แก้ไขอย่างตรงจุด สอดคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลด้านการแพทย์ของประชาชนแต่ละบุคคล ในเรื่องที่จำเป็นเบื้องต้น 3 เรื่อง ได้แก่ การแพ้ยา โรคประจำตัว และค่ามาตรฐานน้ำหนักตัว ผ่านทางระบบทะเบียนราษฎร์ หากเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือต้องการดูแลอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ารับการรักษาที่ใดก็สามารถตรวจสอบประวัติโดยใช้เพียงรหัสหมายเลขประจำตัว 13 หลัก จะส่งผลดีต่อการรักษาพยาบาล เพิ่มความปลอดภัยต่อประชาชนยิ่งขึ้น ขั้นต่อไปโดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาต่างๆ รวมทั้งผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลเอ็กซเรย์ของแต่ละคนได้ด้วย แพทย์ที่ให้การรักษา สามารถนำมาใช้ประกอบการวินิจฉัยการรักษาได้ทันที ประชาชนสามารถติดต่อขอดูได้ที่ตู้อิเล็กทรอนิกส์ของกรมการปกครอง ที่ว่าการอำเภอ หรือโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านได้ด้วยตนเอง คาดว่าจะเริ่มได้ในเร็วๆ นี้
- 59 views