สธ.จัดตั้งกลไกดึงการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ติดตามกำกับและประเมินผลสัมฤทธิ์การใช้งบประมาณปี 2558 ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ให้เป็นไปตามแผนการเบิกจ่ายและโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภายนอกร่วมทีม 
 

2 ต.ค.57 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีทุกกรม ผู้ตรวจราชการกระทรวง  สาธารณสุขนิเทศ และองค์กรหน่วยงานในกำกับ อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ สถาบันพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข 
 
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ในวันนี้ ได้ติดตามผลการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 และแผนการใช้งบประมาณปี 2558  โดยในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 พบว่าในภาพรวมมีการเบิกจ่ายได้ร้อยละ 92.64 จัดอยู่ในลำดับที่ 6 จากทั้งหมด 22 กระทรวง ส่วนงบลงทุนในการก่อสร้างอาคาร จัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ได้รับจัดสรรจำนวน 11,519 ล้านบาท เบิกจ่ายได้ร้อยละ 46 อยู่ในลำดับที่ 7 จาก 22 กระทรวง ซึ่งผลการดำเนินงานดีกว่าปีที่ผ่านมา และที่เหลือส่วนใหญ่มีการเซนต์สัญญาแล้ว คาดว่าจะดำเนินการเบิกจ่ายได้ตามแผน และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลใช้ในการจัดบริการประชาชนได้ทั้งหมด
 
สำหรับงบประมาณปี 2558 กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณรวมทั้งงบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวม 225,531 ล้านกว่าบาท ได้เร่งรัดการเบิกจ่ายให้เร็วขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยกำหนดให้เซนต์สัญญารายการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม 2557  ขณะนี้ ได้ให้ติดตามความคืบหน้าตามแผนปฏิบัติงาน และกรอบระยะเวลาแต่ละขั้นตอน ทุกสัปดาห์  ซึ่งในปีงบประมาณ 2558 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับอนุมัติจากรัฐบาลให้แปลงงบดำเนินงานที่ค้างจากโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 2,724 ล้านบาท มาใช้ในการก่อสร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่ หอพักพยาบาล และจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ซึ่งจะต้องเซนต์สัญญาให้เสร็จสิ้นภายใน 31 ธันวาคม 2557 เช่นกัน ทั้งนี้ ได้มอบให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้จัดตั้งกลไก โดยดึงทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อทำหน้าที่ประเมินความเหมาะสมการจัดสรรงบประมาณ ติดตามกำกับ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการให้เป็นไปตามแผน เพื่อสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามนโยบายป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันของกระทรวงสาธารณสุข
 
ศ.นพ.รัชตะกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายทั้ง 10 ข้อไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งบางเรื่องจะต้องบูรณาการในภาคปฏิบัติข้ามกระทรวงและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุขจะทำลำพังไม่ได้ โดยขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงด้านสังคมจิตวิทยา จำแนกโครงการเพื่อบูรณาการทำงานข้ามกระทรวง เช่น โครงการสร้างเสริมสุขภาพทุกช่วงชีวิต ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนนำ เชิญกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ศึกษาธิการ มหาวิทยาลัย กระทรวงเทคโนโลยี คมนาคม เพื่อนำเสนอรองนายกรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า ทั้งนี้ ได้ให้กระทรวงสาธารณสุข จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์แก่ประชาชนโดยเร็ว