“หมอรัชตะ” เผย ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รุกงานรักษาโรคต้อกระจก 7 ปี ผ่าตัดผู้ป่วยไปแล้วเกือบ 1 ล้านรายทั่วประเทศ หรือร้อยละ 45.9 ของผู้ป่วยที่ต้องการรักษา ลดผู้ป่วยตกค้างรอคิวผ่าตัด ระบุในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยวิกฤตอยู่ในภาวะตาบอด 1.2 แสนราย สามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ด้าน “รองเลขาธิการ สปสช.” เผย เตรียมเดินหนุนรักษาต่อเนื่อง เน้นพื้นที่จำกัดบริการเพื่อดูแลผู้ป่วยอย่างทั่วถึง

30 ก.ย.57 ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคต้อกระจกนับเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย จากรายงานผลการสำรวจสภาวะตาบอด สายตาเลือนราง โรคตาที่เป็นปัญหาสาธารณสุข ครั้งที่ 4 ในประเทศไทยระบุว่า ก่อนมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พบว่าประชาชนมีปัญหาการเข้าถึงการรักษาอย่างมาก ทั้งจากข้อจำกัดของหน่วยบริการและบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้หน่วยบริการของรัฐสามารถผ่าตัดต้อกระจกให้กับผู้ป่วยได้เพียง 40,000 รายต่อปีเท่านั้น ส่งผลให้มีผู้ป่วยต้อกระจกที่ตกค้างและรอคิวผ่าตัดจำนวนมาก โดยในจำนวนนี้มีภาวะตาบอดรวมอยู่ด้วย จากผลวิจัยปี 2549-2550 มีประชาชนที่มีภาวะตาบอดถึง 0.59% ของจำนวนประชากร ในจำนวนนี้ 51.89% เกิดจากโรคต้อกระจก นอกจากนี้ยังพบว่าในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป กว่า 50% จะเป็นโรคต้อกระจก ขณะที่อัตราความชุกต้อกระจกทุกกลุ่มอายุจะอยู่ที่ 9.22%

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า เมื่อดูเฉพาะประชากรผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 48 ล้านคน พบว่าในจำนวนนี้เป็นต้อกระจกถึง 4.3 ล้านราย และจากอุบัติการณ์ดังกล่าว หากไม่มีการเร่งรัดจัดบริการผ่าตัด จะมีคนตาบอดจากโรคต้อกระจกเพิ่มขึ้น 42,840 ราย เป็นไปตามอัตราจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นตามฐานประชากร นอกจากนี้ยังพบว่าปี 2549-2550 มีผู้ป่วยอยู่ในภาวะตาบอดจากโรคต้อกระจกและรอการผ่าตัดอยู่ถึง 120,000 ราย

ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสปสช. กล่าวว่า จากที่ สปสช.ได้บริหารจัดการโรคต้อกระจกเป็นบริการเฉพาะ ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2550-2557 มีผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดไปแล้ว 988,308 ราย หรือคิดเป็น 45.9% ของกลุ่มผู้ป่วยที่ควรได้รับการผ่าตัดตามเกณฑ์ที่กำหนด ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะตาบอด 128,480 ราย และจากที่ได้บริหารเชิงรุกยังส่งผลให้ผู้ป่วยต้อกระจกได้รับการผ่าตัดเพิ่มขึ้นจาก 65,000 ราย ในปี 2555 เป็น 100,000 ราย ในปี 2556 ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยที่มีภาวะตาบอดจากต้อกระจกที่ตกค้างการรักษาได้รับบริการเพิ่มขึ้น จาก 15.7% ในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 25.1% ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2557 ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าอัตราการเข้าถึงบริการผ่าตัดของผู้ป่วยโรคต้อกระจกจะดีขึ้นกว่าในระยะแรกมาก แต่พบว่าบางพื้นที่ยังมีข้อจำกัดด้านบริการ ดังนั้นจำเป็นที่ สปสช.และ สธ.ต้องร่วมกันสนับสนุนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเข้าถึงบริการเช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป