คสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา นัด 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สธ. สปสช. สสส. หารือการบริหารงบประมาณแบบบูรณาการประจำปี 2558  ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557  ที่กองบัญชาการ กองทัพเรือ    

29 ก.ค. 57 นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า สธ.ได้รับการประสานจากคณะทำงานของหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้นัดประชุม 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงสธ. สปสช. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เพื่อหารือการบริหารงบประมาณแบบบูรณาการโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2558  ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ที่กองบัญชาการ กองทัพเรือ ในการนี้ สป.สธ. ได้เชิญคณะทำงานของ สปสช. ร่วมประชุมปรึกษาหารือกับคณะทำงานของสป.สธ. เพื่อจัดทำข้อตกลงเตรียมข้อมูลและแผนดำเนินงานร่วมกัน ในฐานะผู้ซื้อบริการและผู้จัดบริการ ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ที่กระทรวงสาธารณสุข

นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า ปลัดสธ.ได้วางกรอบทิศทางการดำเนินงานของสธ.ในปีงบประมาณ 2558  ไว้ใน 3 ประเด็นหลักที่จะเดินหน้าพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ที่จะถึงนี้  คือ

1.การปฏิรูปโครงสร้างการทำงานแบบเขตบริการ 

2.การปฏิรูประบบการเงินการคลัง

3.การปฏิรูประบบข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ เพื่อจัดบริการประชาชนทั่วประเทศให้ดียิ่งขึ้น มีคุณภาพเท่าเทียมกัน

โดยในการปฏิรูปโครงสร้างการทำงานแบบเขตบริการสุขภาพ ได้เดินหน้ามากว่า 1 ปีแล้ว ได้รูปแบบที่เกือบสมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ การทำงานในรูปแบบเขตบริการ เริ่มต้นด้วยการมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงสธ. พัฒนาไปเป็นการกระจายอำนาจให้เขตฯ บริหารจัดการ ทั้งงบประมาณ การบริหารบุคลากร และทรัพยากรทางการแพทย์ เพื่อจัดบริการต่างๆ แก่ประชาชน โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการ 5 ส่วน คือ

1.ผู้รับบริการ มีผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ระดับอบจ. เทศบาล และอบต. และภาคประชาชน

2.ผู้จัดบริการ

3.ผู้ซื้อบริการ

4.ผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่างๆ 

5.ผู้กำกับและประเมินผล เนื่องจากเป็นผู้ที่รู้ปัญหาและอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลาง ในส่วนของกระทรวงสธ.จะปรับบทบาทเป็นผู้กำกับ กำหนดนโยบาย  ออกกฎกติกากลาง เพื่อให้เขตไปปรับใช้ตามความเหมาะสม ต่อจากนี้ไปอำนาจการบริหารจะอยู่ที่เขตสุขภาพ  

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการปฏิรูประบบการเงินการคลัง ในปีงบประมาณ 2558 นี้ จะมีงบประมาณจัดสรรลงในพื้นที่ 2 ส่วนใหญ่คือ งบบูรณาการของกระทรวงซึ่งมาจากกรมต่างๆ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพประชาชนตามกลุ่มวัย 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็กปฐมวัยและหญิงตั้งครรภ์  กลุ่ม เด็กวัยเรียน กลุ่มเด็กวัยรุ่น กลุ่มวัยแรงงาน   และกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการ ประมาณ 3,300 ล้านบาท  และงบส่วนที่ 2 เป็นงบรายหัวโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของสปสช. ประมาณ 1 แสนกว่าล้านบาท จะปรับหลักการจัดสรรให้สอดคล้องกับพื้นที่มากขึ้น  ส่งไปให้ผู้จัดบริการโดยตรง ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ1.งบส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ส่งไปที่เครือข่ายบริการสุขภาพระดับอำเภอ เพื่อใช้ดูแลประชาชนรายกลุ่ม 2.งบบริการผู้ป่วยนอกทั่วไป ส่งไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อปรับเกลี่ยให้สถานบริการ 3.งบบริการผู้ป่วยในทั่วไป จัดไว้ที่เขตบริการสุขภาพ  และ4.งบกองทุนต่างๆ รวมทั้งมาตรา 41  โดยจะมีการบริหารงบร่วมกันกับสปสช. และมีระบบรายงานตามตัวชี้วัดชัดเจน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดบริการที่ดีที่สุดแก่ประชาชน และงบประมาณอยู่ที่ผู้ทำงานโดยแท้จริง