กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับแพทยสภา สถาบันพระปกเกล้า เปิดโครงการแพทย์อาสาเฉพาะทาง จัด 16 คลินิก ทั้งแผนปัจจุบัน แผนไทย ตรวจคัดกรอง-รักษาผู้ป่วยทั้งโรคทั่วไป สุขภาพจิต และโรคทุกระบบ ด้วยยาและการผ่าตัด ฟรี ที่รพ.หัวหิน  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครบ 86 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ เนื่องในวโรกาสครบ 81 พรรษา  

วันนี้ (21 เมษายน 2557) เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จทรงเปิดโครงการแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ครั้งที่ 2 จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์รุ่นที่ 2 แพทยสภา สถาบันพระปกเกล้า  และกระทรวงสาธารณสุข  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครบ 86 พรรษา  และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  เนื่องในวโรกาสครบ  81 พรรษา โดยมีนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหาร นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ รุ่นที่ 2 สถาบันพระปกเกล้า แพทยสภา แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประชาชน เฝ้ารับเสด็จ

โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถครั้งนี้ จัดเป็นครั้งที่ 2 โดยใช้โรงพยาบาลหัวหินและโรงเรียนพาณิชยการหัวหิน เป็นสถานที่จัดบริการประชาชนเป็นเวลา 1 วัน คือวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 08.00น.-18.00 น. โดยจัดคลินิกเฉพาะทางจำนวน 16 คลินิก ตรวจรักษาโดยแพทย์เชี่ยวชาญทั้งแผนปัจจุบัน แผนไทย ทันตแพทย์ พยาบาล และเภสัชกรจาก 15ราชวิทยาลัยและสถานพยาบาลชั้นนำ รวมกว่า 500 คน ให้บริการตรวจคัดกรองโรค ตรวจรักษาผู้ป่วยทุกระบบด้วยยาและการผ่าตัด ฟรี โดยใช้เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยทั้งจากส่วนกลาง และของโรงพยาบาลหัวหิน ในเบื้องต้นมีผู้ป่วยจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และเพชรบุรี ลงทะเบียนเข้ารักษากว่า 500 ราย ซึ่งโครงการนี้สามารถรองรับเจ็บป่วยได้กว่า 3,000 ราย 

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว นอกจากให้บริการประชาชนด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแล้ว  ยังเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากอาจารย์แพทย์ไปยังแพทย์ในพื้นที่ พัฒนาระบบการประสานแพทย์ทุกภาคส่วนในการจัดหน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ในระดับเชี่ยวชาญ เข้าไปช่วยเหลือโรงพยาบาลในพื้นที่ในลักษณะของโรงพยาบาลสนาม และยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับโรงพยาบาลในพื้นที่และท้องถิ่น ให้เป็นโรงพยาบาลสนามต้นแบบในอนาคต หากมีความจำเป็นต้องระดมกำลังแพทย์เพื่อเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่นั้นๆ ภายหลังรักษาแล้ว ผู้ป่วยทุกคน จะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องโดยโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 

สำหรับคลินิกเฉพาะทาง ประกอบด้วยคลินิกตรวจรักษาโรคทั่วไป คลินิกทันตกรรม เช่น ผ่าฟันคุด  ทำรากฟันเทียม คลินิกแพทย์แผนไทย-แผนจีน เช่นการฝังเข็ม คลินิกจิตแพทย์ ปรึกษาปัญหาเด็กพัฒนาการช้า ตรวจวัดไอคิว อีคิว การแจกรถเข็นสำหรับผู้พิการโดยสโมสรโรตารีคลินิกโรคหัวใจ ตรวจเช็คสมรรถนะหัวใจ  รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยบอลลูนคลินิกโรคระบบทางเดินอาหาร คลินิกศัลยศาสตร์ ตรวจค้นหามะเร็ง เต้านมด้วยเครื่องตรวจแมมโมแกรม คลินิกประสาทศัลยศาสตร์ ตรวจรักษาโรคอัลไซเมอร์และพากินสัน  ผ่าตัดรักษาเนื้องอก โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง ผ่าตัดหมอนรองกระดูก คลินิกตรวจรักษาโรคข้อและกระดูก ผ่าตัดรักษานิ้วล็อคผ่าตัดรักษาเส้นประสาทไขสันหลังกดทับ คลินิกจักษุวิทยา ผ่าต้อกระจก ตรวจวัดสายตา แจกแว่นตา ค้นหา โรคต้อหินและโรคตาอื่นๆ คลินิกหู คอ จมูก ผ่าตัดรักษาแก้วหูทะลุ  ต่อมไทรอยด์ คลินิกรักษาโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน เรื้อนกวาง คลินิกกุมารเวชกรรม รักษาผู้ป่วยเด็กทั้งโรคทั่วไปและโรคหัวใจ  

ทั้งนี้นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยที่พบว่าเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาในวันเดียวได้ จะมีการนัดตรวจรักษาต่อเนื่องตามสิทธิ หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคเฉพาะที่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ก็จะมีระบบส่งต่อเพื่อรักษาต่อไป ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับให้โรงพยาบาลหัวหิน เป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด  340 เตียง เป็นศูนย์อุบัติเหตุ และศูนย์โรคหัวใจ ดูแลประชาชนในพื้นที่ อ.หัวหิน และประชาชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และเพชรบุรี ตามยุทธศาสตร์การพัฒนา เขตบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2556-2560 ซึ่งมีทั้งหมด 12 เขตทั่วประเทศ ดูแลเขตละ 4-8 จังหวัดประชาชนประมาณ 5 ล้านคน โรงพยาบาลที่อยู่ในเขตบริการเดียวกัน จะให้บริการดูแลประชาชน  ในพื้นที่ที่เจ็บป่วยตั้งแต่เล็กน้อย จนถึงโรคที่ยุ่งยากซับซ้อน เสมือนเป็นโรงพยาบาลเดียวกัน ใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด