โลกวันนี้ - กินี : นายเรเน่ ลามาห์ รัฐมนตรีสาธารณสุขกินี ประกาศเตือนประชาชนให้เลิกรับประทานและขายค้างคาว เพราะเป็นต้นเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในภาคใต้ของกินี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ไปแล้วอย่างน้อย 62 คน และยังมีรายงานการเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันในประเทศเพื่อนบ้านคือ ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน

เชื้อไวรัสอีโบลาจะติดต่อด้วย การสัมผัส โดยขณะนี้ยังไม่มีวัคซีน ป้องกันหรือการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ องค์การอนามัยโลกระบุว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่าง 25-90% ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสตัวนี้ อาการของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาคือ มีเลือด ออกในอวัยวะภายในและภายนอก      ร่างกาย ท้องร่วงและอาเจียนอย่างหนัก นับเป็นครั้งแรกที่มีเชื้อไวรัสอีโบลาระบาดในกินี

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและบรรเทาทุกข์ในกินีกำลังหาทางควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะอีโบลาเป็นครั้งแรกในแอฟริกาตะวันตก ขณะที่ไลบีเรียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีรายงานพบผู้ต้อง สงสัยติดเชื้อรายแรก และหากได้รับการยืนยันจะเป็นครั้งแรกที่เชื้อไวรัสแพร่ไปยังประเทศอื่นนอกจากป่าทางตอนใต้ของ กินี ซึ่งมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 59 คน โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนมีการระบาดในยูกันดาและคองโก ซึ่งอยู่ห่างจากกินีหลายพันกิโลเมตร สำหรับค้างคาวที่ชาวกินีนิยมรับประทานส่วนใหญ่นำมาต้มยำหรือย่างกินแกล้มกับสุรา

ส่วนที่ประเทศแคนาดา นางเดนิส เวอร์เกอร์ ผู้อำนวยการด้านสาธารณสุขในรัฐซัสแคตเชวัน ทางตะวันตกของแคนาดา กล่าวว่า นักเดินทางรายหนึ่งที่เดินทางมาจากแถบแอฟริกาตะวันตกกำลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการของผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะอีโบลา ผู้ป่วยดังกล่าวอาศัยอยู่ในไลบีเรีย และปรากฏอาการหลังเดินทางมาถึงแคนาดา อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยดังกล่าวถูกแยกตัวไว้แล้ว และกำลังรอผลการตรวจ

ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้  วันที่ 27 มีนาคม 2557