กระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนคนไทยฝึกทำสมาธิ ใช้ฤกษ์เริ่มต้นในวันมาฆบูชา ผลดีจะทำใจจิตใจสงบ เกิดสติปัญญา จิตใจเข้มแข็งมั่นคง จัดเป็นยาอายุวัฒนะขนานเอก ช่วยให้หน้าอ่อนกว่าวัยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม สุขภาพกาย-ใจดี อายุยืน
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 57 แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในวันมาฆบูชานี้ เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาหรือวันพระใหญ่ ชาวไทยทุกคนนอกจากจะไปทำบุญตักบาตร ได้รับบุญอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญชวนประชาชน นักเรียน นักศึกษา หันมาฝึกทำสมาธิ ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพวิธีหนึ่งเป็นเทคนิคของการผ่อนคลายความเครียดที่ให้ ผลดี กล่าวคือการทำสมาธิช่วยให้คลื่นสมองไม่ยุ่งเหยิง สมองจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีภูมิต้านทานโรคที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับในกลุ่มผู้ที่ทำงานประจำ นักเรียน และนักศึกษา หากฝึกทำสมาธิเป็นประจำ จะทำให้อารมณ์เย็น สมองแจ่มใส มีผลดีต่อการเรียน โดยพบว่านักศึกษาร้อยละ 62 ตั้งใจเรียนมาก ร้อยละ 31 รักการเรียนมากขึ้นและร้อยละ 65 เห็นว่าการฝึกสมาธิมีประโยชน์กับการเรียนทำให้ความจำดีขึ้น ทำงานคล่องแคล่วขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการทำงานดีขึ้นส่วนในกลุ่มของผู้ที่ป่วยแล้ว เช่น โรคความดันโลหิตสูง มีผลการศึกษาการรักษาผู้ป่วยโรคดังกล่าวด้วยวิธีต่างๆ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกรักษาด้วยวิธีทำสมาธิ กลุ่ม 2 รักษาด้วยวิธีการผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและพักผ่อน และกลุ่ม 3 รักษาด้วยการออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ ลดความอ้วน จำกัดแอลกอฮอล์ ให้ปฏิบัติเป็นเวลา 3 เดือน จากการประเมินผลพบว่าผู้ป่วยที่รักษาด้วยการทำสมาธิ ระดับความดันโลหิตลดลงเฉลี่ยร้อยละ 7 กลุ่มที่ 2 ลดได้ร้อยละ 3 ส่วนกลุ่มที่ 3 ไม่ลดเลย ขณะนี้วงการแพทย์ต่างประเทศ ได้นำสมาธิรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังในโรงพยาบาลและผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพื่อลดความเครียดหรือความวิตกกังวล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไทยมีนโยบายส่งเสริมให้โรงพยาบาลในสังกัดนำสมาธิมาใช้ ในโรงพยาบาล และมีหลายแห่งใช้แล้ว เช่นที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เป็นต้น
ทั้งนี้ การทำสมาธิสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา การฝึกมีหลายวิธี เช่น การนั่งภาวนา การฝึกเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ฯลฯ โดยเลือกสถานที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย อุณหภูมิในห้องสบายๆ ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป โดยสวมเสื้อผ้าที่สบาย อาจจะนั่งเก้าอี้หรือนั่งขัดสมาธิก็ได้ หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ นับ 123 ไปเรื่อยๆ เริ่มจากวันละ 5 นาที เพิ่มเป็น 10 นาทีในวันต่อไป และเพิ่มเป็น 15 นาทีขึ้นไปเรื่อยๆ และควรทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน
- 50 views