แนวหน้า - นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวง สาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้จัดทำ โครงการความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นหรือไจก้า (JICA) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดบริการระยะยาวที่ยั่งยืน สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยอื่นๆ ที่อยู่ในชุมชนและช่วยเหลือตนเองไม่ได้ซึ่งมีอาการคงที่ แต่ต้องการความช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การขับถ่าย เป็นต้น หรือที่เรียกว่ากลุ่มติดเตียง ติดบ้าน ซึ่งคาดว่าขณะนี้จะมีประมาณร้อยละ 1 ของประชากรทั่วประเทศ
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแล รักษา และพัฒนาการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของผู้สูงอายุ ระงับและป้องกันอาการเจ็บป่วยไม่ให้แย่ลงกว่าเดิม และให้คำแนะนำเทคนิคการดูแลพยาบาล เพิ่มขวัญกำลังใจแก่ญาติหรือครอบครัว ในการร่วมกันดูแลผู้สูงอายุร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ใช้เวลาดำเนินการ 5 ปี ระหว่าง พ.ศ.2556-2560 ในพื้นที่ชุมชน 6 จังหวัดที่มีความหลากหลาย ทั้งชุมชนเมืองหนาแน่น ชุมชนเมืองทั่วไป และชนบท ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงราย นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี นนทบุรี และขอนแก่น โดยญี่ปุ่นมีแนวคิดจะนำรูปแบบของไทยไปขยายผลในประเทศอาเซียน ซึ่งมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน เพื่อดูแลประชาชนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
การดำเนินโครงการดังกล่าวได้บูรณาการกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งกระทรวง หน่วยงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะกรรมการดูแล 2 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารโครงการ มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และคณะกรรมการชุดดำเนินงาน มีนายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน คณะกรรมการทั้ง 2 ชุด ประกอบด้วย หน่วยงานทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น เป็นต้น เพื่อจัดทำแผนการให้บริการหลายรูปแบบ เช่น การช่วยเหลือที่บ้าน บริการแบบเช้า-เย็นกลับเพื่อรักษาการเข้าสังคมของผู้สูงอายุ การฟื้นฟูสมรรถภาพที่บ้าน นวดแผนไทย การประกอบอาหาร การออกกำลังกาย โดยจะมีการจัด อาสาสมัครดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในท้องถิ่น และหากผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน จะมีระบบการ ประสานงานแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ทราบ และส่งรถพยาบาล และทีมกู้ชีพฉุกเฉินไปรับถึงบ้าน โดยทีมกู้ชีพจะรู้ประวัติ ผู้ป่วยและโรคหลักๆ ก่อนล่วงหน้า สามารถให้การดูแลอย่าง ถูกวิธี เนื่องจากการดูแลรักษาผู้สูงอายุมีความแตกต่าง จากวัยอื่นๆ เพราะอวัยวะหลายส่วนอยู่ในสภาวะที่เสื่อมถอย
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 29 มกราคม 2557
- 7 views