คมชัดลึก - ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีที่ประเทศจีนมีการสั่งโละขนมเซียงจาหรือซันจา ซึ่งเป็นขนมที่ทำจากพุทราจีน 3 ยี่ห้อ เนื่องจากใช้วัตถุเพิ่มสีแดงที่เป็นสารก่อมะเร็ง ว่า เมื่อดูจากฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า อย.ไม่เคยอนุญาตเลขสารบบอาหารของประเทศไทยให้แก่ทั้ง 3 บริษัทผู้ผลิตจากจีน อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลจากด่านอาหารและยา ยังพบว่าในประเทศไทยไม่เคยมีการนำเข้าขนมเซียงจาจากทั้ง 3 บริษัทด้วย ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายกับขนมเซียงจาที่ขายในประเทศไทยมีบริษัทประมาณ 8-9 บริษัท ที่ขอจดแจ้งเลขสารบบอาหารกับ อย. ซึ่งเป็นการขอเลขสารบบอย่างถูกต้อง และก่อนที่จะนำเข้ามาขายในประเทศไทยก็จะมีการจัดทำฉลากเป็นภาษาไทยและตรวจสอบก่อนที่จะวางขาย "จะเป็นการลักลอบนำเอาผลิตภัณฑ์ของทั้ง 3 บริษัทเข้ามาขายในไทยหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ แต่จากการออกตรวจสอบยังไม่พบผลิตภัณฑ์จาก 3 บริษัทมาขายในไทย ทั้งนี้ หากมีการขายและ อย.ยังตรวจไม่พบก็เท่ากับเป็นการลักลอบนำเข้ามาขาย หากเป็นการลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย ก็เท่ากับว่าเป็นการลักลอบนำเข้าเพื่อจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาตอาหาร ผู้กระทำความผิดก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการแสดงฉลากไม่ถูกต้องตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขก็จะมีโทษปรับ 3 หมื่นบาท ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้ขายอาหารก็จะมีโทษปรับ 3 หมื่นบาท แต่กรณีของการนำเข้าจะเป็นความผิดของผู้นำเข้า" ภก.ประพนธ์กล่าว
ภก.ประพนธ์ กล่าวด้วยว่า ตามพ.ร.บ.อาหารจะมีการระบุชัดเจนว่าอาหารชนิดใดให้ใส่สีใดได้บ้างและปริมาณเท่าใด ซึ่งในไทยยังไม่มีการระบุชื่อสีว่าชนิดใดห้ามใส่สี แต่จะตรวจสอบได้จากปัจจัยอื่น เช่น หากตรวจพบว่าใช้สารตัวใดในอาหารแล้วอาหารดังกล่าวเกิดมีปริมาณสีเกินมาตรฐาน ก็จะไปตรวจสอบในเรื่องของการใส่สีเกินปริมาณที่กำหนด หรือกรณีที่มีการระบุชัดว่าสีชนิดใดมีสารที่ทำให้เกิดมะเร็งแต่ยังมีผู้ละเมิดไปใส่ในอาหารก็จะเท่ากับว่าขายอาหารไม่บริสุทธิ์ ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีการเฝ้าระวังและกวาดล้างการลักลอบนำเข้าอาหารอยู่แล้ว และในกรณีที่มีการลักลอบนำเข้า อย.ก็จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) คอยควบคุมดูแลตามตลาดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารประชาชนควรดูที่ฉลากภาษาไทย และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะชื่อผู้นำเข้าและเลขสารบบอาหาร 13 หลัก
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก วันที่ 27 มกราคม 2557
- 373 views