จอห์น ดี. ร็อคกีเฟลเลอร์ อภิมหาเศรษฐีจากธุรกิจน้ำมัน ผู้ก่อตั้งอเมริกายุคใหม่เมื่อกว่า 100 ปีก่อน มีวิธีกระจายรายได้อย่างชาญฉลาดนั่นคือ นำเงินออกไปช่วยตามที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ช่วยด้านการพัฒนาชาติ การสาธารณสุขและการกินดีอยู่ดีของเพื่อนมนุษย์ เมืองไทยเราก็ได้รับมาจนสร้างคณะแพทย์ชื่อดังได้
ความชาญฉลาดของคนรวยในข้อนี้ ทำให้คนรวยอีกหลายคนเดินตามรอยจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง การสร้างธุรกิจของตัวให้ชอบธรรมง่ายๆ คือการกระจายผลประโยชน์ให้คนอื่นด้วย จะช่วยให้ความ ชอบธรรม นั้นง่ายขึ้น
สังเกตได้จากธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนและบริษัทยาที่จับมือกัน ขายยา ได้อย่างสวยงาม หรือกลยุทธ์โฆษณาชวนเชื่อที่ เหนือเมฆ เช่น กลุ่มไฮโซทดลองใช้แล้วบอกเพื่อน หรือการเสนอตรวจสุขภาพฟรีให้องค์กรต่างๆ การทายอินเข้าไปในรายการทีวี การรักษาให้กับนักกีฬาสมาคมต่างๆ ฟรี ขอแค่มีโลโก้ใหญ่ใส่ไว้ในจอให้คนดู ติดตา
ความเบ่งบานทางเศรษฐกิจพิชิตโรคเกิดขึ้นตรงนี้เองครับ ตรงที่นายทุนใช้ เงิน เป็นตัวขับดัน (อันมีอิทธิพล) จึงทำให้การแพทย์แบบ พึ่งหมอ และ พึ่งยา เพื่อทำเป้าให้ได้สูงเสียดฟ้า โดยมีเดิมพันเป็นชีวิตของเราทุกคน แม้ยาที่ใช้ประจำก็อาจทำให้ป่วยได้ โดยเฉพาะในยาที่ถูกบอกให้ ใช้ตลอดไป ดังต่อไปนี้
6 ยากินนานอย่าวางใจ
1) ยาลดไขมัน ยาชนิดนี้ทำให้ ปวดตัว ปวดตามกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้นานยิ่งทำให้สุขภาพแย่และเกิดอาการแก่ลงเร็ว ความจำก็เปลี่ยนไปเป็นผลจากยาลดไขมัน ท่านที่ใช้นานๆ ตับก็จะเสื่อม ขอให้คอยเจาะเลือดตรวจตับไว้ด้วยนะครับ
2) ยาละลายลิ่มเลือด ยานี้หลายท่านกินแล้วสบายใจว่าไม่เกิดลิ่มเลือดอุด แต่สิ่งที่ต้องรู้ให้สุดคือมันทำให้ ตกเลือด ในท้องได้จนตาย อันตรายจากยาละลายลิ่มเลือดกินตลอดชีวิตยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมาก
3) ยาแก้ปวด อาการปวดไม่ได้ตอบโจทย์ด้วย ยาแก้ปวด เสมอไป การได้ยาแก้ปวดกินตลอดชีวิตมีสิทธิ์ทำให้ท่านได้กิจกรรม ล้างไต ในปัจฉิมวัยแถมได้
4) ยาแก้แพ้ ยากลุ่มนี้ไม่สามารถรักษาภูมิแพ้ เพราะภูมิแพ้ รักษาไม่ได้ ดังนั้น ท่านก็ตอบได้ครับว่ายาภูมิแพ้ที่กินนั้นเพื่อบรรเทาอาการ แต่ประเด็นอยู่ที่ถ้าไม่ได้รักษาได้แล้วทำไมถึงต้องกินนาน อันตรายสำคัญที่ยิ่งกว่าอะไรคือรักษาภูมิแพ้แบบผิดวิธีนี่ละครับ
5) ยาแก้มึนศีรษะ ท่านที่มีอาการมึนศีรษะบ้านหมุนอยู่เป็นประจำ อย่าเพิ่งปักใจว่าเป็น น้ำในหูไม่เท่ากัน ปัญหาของการแก้มึนศีรษะคือยังหา ต้นเหตุ ไม่เจอแต่ให้ยา แก้มึน ไปก่อน ไม่ว่าจะยาแก้วิงเวียน ยาเพิ่มเลือดไหลเวียนในสมอง ให้ซ้ำๆ กันจ่ายซ้อนกันเข้าไป ยิ่งกินก็ยิ่งมึนหนักไม่หายเสียที
6) ยาฆ่าเชื้อ การได้รับยาฆ่าเชื้ออยู่ทุกครั้งที่เจ็บป่วย ช่วยให้คุณหมอสบายใจขึ้น แต่ผลของยาฆ่าเชื้อมีมากกว่าฆ่าเชื้อครับ เช่น ท้องเสีย เชื้อดื้อยาและขั้นกว่าคืออาการ แพ้ รุนแรงได้ คนไข้ที่ได้ยาฆ่าเชื้อในปัจจุบันถ้าเทียบกันเมื่อ 100 ปีก่อน ยาฆ่าเชื้อสมัยนี้เหมือนระเบิดนิวเคลียร์เทียบกับประทัดเลยครับ
โฆษณาที่จ้างครีเอทีฟใหญ่ซื้อแอร์ไทม์จากช่องแพงๆ นั้นมีตัววัดอยู่ที่ ยอดขาย ที่จะพุ่งขึ้น คุ้ม หรือไม่ ความแรงของโฆษณาที่กระทบต่อตาและสมองของผู้ชมจนดึงคนเข้าไปใช้บริการได้นี่เรียกว่า อิมแพ็ค (ไม่ใช่เมืองทองธานี) แต่ในที่นี้คือผลกระทบในวงกว้างของการใช้ สื่อ คนที่ไม่เข้าใจและหวั่นไหวง่ายก็จะถูก ดึง เข้าไปง่าย ตามโฆษณาว่า เจ็บหน้าอกใจสั่นหน่อยต้องไปศูนย์หัวใจที่โรงพยาบาลนี้ มีแผลเบาหวานที่เท้าก็ต้องเข้าไปศูนย์แผลเบาหวานเอกชนก่อน ทั้งที่ปัญหาการถูกตัดขากับไม่ตัดขาก็ไม่ต่างกับโรงพยาบาลทั่วไปในปัจจุบัน
นั่นก็คืออิทธิฤทธิ์ของโฆษณาที่เปลี่ยนชีวิตของเราได้
ผู้เขียน : นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2556
- 390 views