คมชัดลึก - ยธ.มีมติถอดพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติด โยน สธ.ตัดสิน ชี้ไม่อันตรายใช้เป็นสมุนไพร ชงเพิ่มโทษผลิตสี่คูณร้อย อย.ให้รอศึกษารอบด้าน
ความคืบหน้าความพยายามปลดพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติดเป็นสมุนไพรนำไปใช้ได้ไม่ผิดกฎหมาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม กรณีถอนพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ว่า ที่ประชุมได้รับฟังและมีความเห็นร่วมกันมีข้อสรุปว่า การเสพพืชกระท่อมเป็นวิถีชาวบ้านของประชาชนในหลายพื้นที่ที่นิยมบริโภค เพื่อกระตุ้นในการทำงาน ไม่มีผลเป็นอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด รวมทั้งพืชกระท่อมมีประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์หลายประการ โดยเฉพาะสามารถเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้ จึงเห็นควรขอให้ถอนพืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดและส่งเสริมให้เป็นพืชสมุนไพรและขอให้เป็นสารที่ถูกควบคุมในฐานะวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมยังเห็นว่า กระท่อมเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท จึงยังต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่นำพืชกระท่อมไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติดรูปแบบต่างๆ โดยหลังจากนี้จะมีหนังสือสรุปความเห็นในนามกระทรวงยุติธรรม พร้อมข้อมูลสนับสนุนไปถึง นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เพื่อให้นำเข้าพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษกระทรวงสาธารณสุข แต่หากกระทรวงสาธารณสุขไม่เห็นด้วยเรื่องนี้ก็ต้องยุติ
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า จะนำความเห็นทั้งหมดกลับไปรวบรวม ก่อนส่งให้คณะกรรมการพิจารณายาเสพติดให้โทษ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีอำนาจในการดำเนินการพิจารณา และยืนยันการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด จะไม่กระทบกับภาพรวมการแก้ปัญหายาเสพติดของประเทศ เพราะจะมีการพิจารณาเพิ่มโทษผู้ที่นำสารไมทราไจนีนจากใบกระท่อมไปผลิตเป็นยาเสพติดประเภทอื่น อาทิ สี่คูณร้อย เป็นต้น
ขณะที่ นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า คงต้องรอหนังสือทางการจากกระทรวงยุติธรรมก่อน รวมถึงผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการศึกษาผลกระทบสำหรับประกอบการพิจารณายกเลิกใบกระท่อมจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งได้จัดตั้งโดยคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษในการประชุมครั้งที่ผ่านมา
"อย.จัดเตรียมความพร้อมไว้แล้ว เรื่องใบกระท่อมไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเดิมและเคยมีการศึกษาอยู่ เพียงแต่เมื่อมีการนำเสนอมาก็จำเป็นต้องมีการพิจารณาให้รอบด้านมากขึ้น โดยเฉพาะการพิจารณาในด้านคุณประโยชน์และโทษ" รองเลขาธิการ อย.กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพลล์ เผยแพร่ผลสำรวจความเห็นเรื่อง "ยาเสพติดกับการปลดล็อกใบกระท่อม" โดยสำรวจจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,171 คน โดยพบว่า 70.5% คิดว่าใบกระท่อมเป็นยาเสพติด และ 29.5% ที่ไม่คิดว่าเป็นยาเสพติด ส่วนที่กระทรวงยุติธรรมจะแก้กฎหมายให้ยกเลิกใบกระท่อมพ้นจากบัญชียาเสพติดนั้น 46.3% เห็นด้วยหากนำมาใช้ในวงการแพทย์เท่านั้น รองลงมา 27.5% ไม่เห็นด้วยเด็ดขาดเพราะถือว่าเป็นยาเสพติด และ 14.6% เห็นด้วยและยอมรับได้ในทุกกรณี
สำหรับการยกเลิกใบกระท่อมพ้นจากบัญชียาเสพติดจะช่วยลดปริมาณคนเสพยาบ้าได้หรือไม่ ปรากฏว่า 61.1% ระบุว่าแก้ไม่ได้ มีเพียง 19% เท่านั้นที่ระบุว่าแก้ได้ นอกจากนี้ 60.2% ไม่เชื่อว่าการยกเลิกใบกระท่อมจะช่วยลดเงื่อนไขความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ 12.6% ระบุว่าแก้ได้ และถ้ายกเลิกจากบัญชียาเสพติดจริง ประชาชน 49.2% เห็นว่าต้องควบคุมให้ปลูกเพื่อใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น รองลงมา 38.7% เห็นว่าต้องควบคุมปริมาณและพื้นที่ปลูกให้ชัดเจนและมีการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และยังพบว่า ผลสำรวจ 52.2% ห่วงและกังวลมากที่สุดคือ กลัวจะมีคนเสพใบกระท่อมมากขึ้นเพราะหาซื้อง่ายขึ้น และกลัวจะเอาไปใช้ในทางที่ผิดเอาไปดัดแปลง รวมทั้งกลัวลูกหลาน วัยรุ่น เยาวชน จะอยากรู้อยากลองมากขึ้น
ส่วน 47.8% ไม่ห่วงและกังวล เพราะเป็นพืชสมุนไพรใช้รักษาโรคได้ กินแล้วสู้แดด มีกำลัง และรุนแรงน้อยกว่าบุหรี่ ขณะเดียวกัน 45.6% กังวลว่าการเสพใบกระท่อมอาจนำไปสู่การเสพสิ่งเสพติดที่ร้ายแรงกว่า
ที่มา--คมชัดลึก ฉบับวันที่ 4 ต.ค. 2556 (กรอบบ่าย)--
- 11 views