ใครจะไปนึกว่า เรื่องหมอในเมืองไทยจะเป็นเรื่องใหญ่เมื่อชมรมแพทย์ชนบทออกมาประท้วงรมว.สาธารณสุขเรื่องนโยบายการจ่ายเงินค่าจ้าง
แพทย์บางคนถึงขั้นประท้วงยื่นใบลาออกกันเสียแล้วแสดงว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ธรรมดา ภาพพจน์ของรัฐบาลอาจจะไม่สวยเท่าที่ควรเอาทีเดียว ทั้งที่เป็นเจ้าของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคแท้ๆ แต่กลับอีหลักอีเหลื่อที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครั้งนี้
น่าจะมีคนรู้น้อยมากว่า ชมรมแพทย์ชนบทมีความสำคัญอย่างไร ขณะที่แพทย์ทั่วไปในเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งสามารถทำเงินได้มากมายจนถึงขั้นร่ำรวยกันทั้งแพทย์และเจ้าของโรงพยาบาล
แต่แพทย์หรือหมอสมัยใหม่ที่เสียสละตัวเองออกไปอยู่ในชนบทนั้นหายากเย็นเต็มที เพราะบ้านนอกชนบทนั้นไม่สะดวกสบายใดๆเท่าที่ชีวิตในเมืองจะอำนวยให้ได้ โดยเฉพาะจะมาทำเงินทำทองเหมือนโรงพยาบาลเอกชน หรืออย่างน้อยก็โรงพยาบาลในกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ๆ
ลำบากยากแค้นไปกับชาวบ้านที่เป็นคนไข้นั่นแหละ ยิ่งใช้บัตรสงเคราะห์ 30 บาทรักษาทุกโรค การรักษาจึงยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะต้องรอคอยคิวกันยาวเหยียด โดยเฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ๆ แทบจะทุกแห่งที่ใช้บัตรเหล่านี้ คนไข้ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ก็อาจจะต้องรอตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง บางแห่งคนมากๆอาจจะรอนานถึง 5-6 ชั่วโมงก็มีอยู่มากจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
เรื่องการรักษาพยาบาลในเมืองไทยนั้น เป็นเรื่องใหญ่โตมากแค่เรื่องหมอชนบทนี่ก็สาหัสแล้วหากไม่มีอุดมการณ์ หมอชนบทก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้เลย เพราะไม่มีใครคิดอยากเสียสละตัวเองไปใช้ชีวิตลำบากลำบนขนาดนั้นหรอก
แต่คนที่จบหมอส่วนใหญ่จึงมุ่งที่จะแสวงหาฐานะที่มั่นคงกันทั้งนั้น หลายคนก็ถึงกับสร้างครอบครัวให้ร่ำรวย มีชีวิตสุขสบายกว่าคนในอาชีพอื่นๆมากมาย เพราะเป็นอาชีพชี้เป็นชี้ตายให้กับชีวิตคน หมอจึงมีชีวิตประดุจเทพเจ้า เมื่อจบหมอมาก็ต้องเลือกว่า จะเป็นเทพของคนร่ำรวยที่มีเงินทองพอจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ครั้งละเป็นหมื่นหรือเป็นแสน บางโรคบางรายอาจจะเป็นล้าน บางคนก็ใช้กรมธรรม์ประกันชีวิต
เพื่อนคนหนึ่งทำประกันชีวิตไว้ 4-5 แสนบาท เกิดเป็นโรคหัวใจกะทันหัน แต่ก็ไปรักษาตัวทัน สามารถเคลมประกันได้เงินกลับไป 7.5 ล้านบาท อย่างไม่น่าเชื่อ ลองนึกภาพของชาวบ้านในชนบทที่เกิดมาไม่เคยมีประกันชีวิตและไม่มีเงินรักษาพยาบาล จะมีชีวิตอยู่อย่างไร
หมอในชนบทที่ทำงานเพียงแค่กินเงินเดือนเรือนหมื่นเท่านั้น จึงน่าเห็นใจและน่ายกย่องสรรเสริญ วันๆต้องสัมผัสกับกลิ่นอายไม่จรุงใจทั้งรูปแบบที่มีแต่เสื้อผ้าเก่าสกปรก ผิวพรรณหยาบกร้าน แต่ละคนมีแต่บัตรประกันสังคมหรือบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค เงินสดมีมาน้อยมาก หรืออาจถึงขั้นไม่มีเอาเลย
นี่เป็นสิ่งที่คนเป็นรมว.สาธารณสุขต้องรู้เอาไว้ด้วย ยิ่งถ้าเป็นหมอในเมือง หมอของโรงพยาบาลเอกชนมาก่อน คงยากที่จะเข้าใจชีวิตของชาวบ้านในชนบท และหมอที่เสียสละใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
งานของหมอแท้ที่จริง สามารถเลือกที่จะมีชีวิตได้อยู่เสมอหมอเฉพาะทางเช่นทันตแพทย์ ก็สามารถชาร์จเงินจากคนไข้ได้สูงมาก เช่นทำฟันหรือใส่ฟันซี่สองซี่ ก็อาจจะต้องใช้เงินมากถึง3-4 แสนบาท สิ่งเหล่านี้ ชาวบ้านในชนบทไม่มีทางจะสัมผัสเข้าถึงได้เลย
นี่คือความจริงที่คนเป็นรัฐมนตรีจะต้องเข้าใจหมอในชนบทด้วย ไม่ใช่นั่งคิดอ่านวางแผนอยู่แต่ในห้องแอร์ จะไปเข้าใจอะไรได้เล่า แต่ให้กลายเป็นว่า รัฐมนตรีอยู่ยาว แต่คนไทยกลับอยู่ยาก ยังงั้นหรือ?
ผู้เขียน : ฤทัย พัชระ email : Kokuryo1952@yahoo.com
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 - 23 เม.ย. 2556
- 1 view