บีซีเอช วาดแผนลงทุน 3 ปี ก่อนเปิดเออีซี รุกตลาดรักษาพยาบาลครบทุกเซ็กเมนต์ หลังครองผู้นำกลุ่มระดับกลาง เตรียมขยายโปรเจ็กต์จับตลาดบน "World medical center" แห่งที่ 2 ที่พัทยา พร้อมซุ่มสร้างแบรนด์โรงพยาบาลจับตลาดล่างและผู้ป่วยประกันสังคม ชูโมเดลธุรกิจ Sun and Satellite Model ขยายเครือข่ายโรงพยาบาล ปูทางสร้างรายได้หมื่นล้าน
น.พ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือบีซีเอช ผู้บริหารเครือข่ายโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนการขยายธุรกิจและการเตรียมตัวรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 ว่าเป้าหมายของกลุ่มบีซีเอชภายในระยะเวลา 3 ปี ให้ความสำคัญใน 3 เรื่องคือ 1. การขยายการรักษาให้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งตลาดระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง
2. การขยายธุรกิจสินค้าที่เกี่ยว ข้องวงการแพทย์ หรือ Medical Device เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงยาเข้ามาจากต่างประเทศ 100% ทั้งที่ประเทศไทยมีวัตถุดิบจำนวนมาก จึงมีโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาและผลิตสินค้าในกลุ่มนี้สำหรับใช้ในประเทศและยังสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนได้ด้วย และ 3. การดูแลกลุ่มผู้สูงอายุทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์จะขยายตลาดการให้บริการกับลูกค้าครบทุกเซ็กเมนต์ จากเดิมที่จับเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับกลางเป็นหลัก โรงพยาบาลในเซ็กเมนต์นี้ ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ทั้ง 6 สาขา คือ สาขาบางแค, สุขาภิบาล 3, สระบุรี, รัตนาธิเบศร์, ประชาชื่น และศรีบุรินทร์ จ.เชียงราย"
ด้านแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มจำนวนเตียงขึ้นอีก 600 เตียง จากปัจจุบันที่มีจำนวนกว่า 2 พันเตียง แบ่งเป็นการ World medical center แห่งที่ 2 จำนวนประมาณ 250 เตียง บนเนื้อที่ 14 ไร่ ที่พัทยา จ.ชลบุรี ด้วยงบลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างปลายปี 2557 กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2559 เพื่อรองรับกับตลาดระดับบนหรือ กลุ่มเอ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้ลงทุน 2.2 พันล้านบาท ในโครงการ World medical center บนถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มีนาคมนี้ และล่าสุดได้มีการซื้อที่ดินบริเวณด้านข้างเพิ่มอีกมูลค่า 675 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายโครงการต่อเนื่องในอนาคตด้วย
ในขณะที่ตลาดระดับกลาง หรือ กลุ่มบี เตรียมขยายโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ จ.เชียงรายเพิ่มเติมอีก 100 เตียง ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2557 และจะแล้วเสร็จในปี 2558 นอกจากนี้ยังลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาล บนถนนราม คำแหงเพิ่มอีก 1 แห่ง จำนวน 250 เตียง ใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2557 และจะแล้วเสร็จในปี 2558 ส่วนกลุ่มตลาดระดับล่าง หรือกลุ่มซี บริษัทมีแผนจะลงทุนขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับกลุ่มผู้ป่วยประกันสังคมโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ระหว่างการวาง แผนว่าจะใช้แบรนด์อะไรในการลงทุนก่อสร้าง
"การขยายธุรกิจของกลุ่มบีซีเอช ได้นำโมเดลที่เรียกว่า "Sun and Satellite Model" อย่างกรณีที่ขยายโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ จ.เชียงราย ในขณะเดียวกันยังมีการตั้ง Poly Medicine ในอำเภอรอบๆ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อมีความต้องการเพิ่มก็จะขยายเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กต่อไป ไม่จำเป็นต้องขยายโรงพยาบาลจำนวนมาก แต่โพลีเมดิซีนดังกล่าวจะมีหมอในสาขาหลักให้บริการในแต่ละสาขาครบ ในลักษณะโรงพยาบาลขนาดเล็ก ต่างจากโพลีคลินิกที่มีหมอคนเดียวรักษาทุกโรค โดยที่อำเภอแม่สายได้ใช้โมเดลดังกล่าวในการขยายธุรกิจแล้ว และในอนาคตจะขยายเพิ่มที่อำเภอฝาง เชียงแสน และเชียงของต่อไป" น.พ. เฉลิม กล่าวและว่า
แผนการดำเนินการและการขยายธุรกิจของกลุ่มบีซีเอชดังกล่าว คาดว่าภายในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณของโรงพยาบาลในเครือเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการขยายตลาดระดับบน จะผลักดันทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตเพิ่ม จากปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 6 สาขาเดิมมีการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 10%
ส่วนโรงพยาบาลใหม่ที่ช่วงแรกอาจจะเติบโตไม่สูง แต่ระยะหนึ่งจะโตแบบก้าวกระโดดได้เช่นกัน ซึ่งเฉพาะปีนี้บริษัทคาดจะมีรายได้เติบโตในอัตรา 20-25% หรือมูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้เติบโตเพียง 13%
"โรงพยาบาลทั้ง 6 แห่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน บริษัทมีการลงทุนเพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้โรงพยาบาลมีความทันสมัย ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในแต่ละปีเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนโครงการ World medical center จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มบีซีเอชก็มีอัตรากำไรที่เติบโตด้วยดี โดยปี 2554 มีกำไร 672 ล้านบาท ปีที่ผ่านมามีกำไร 910 ล้านบาทซึ่งแนวคิดในการขยายธุรกิจโรงพยาบาลกลุ่มบีซีเอชจะพิจารณาจากกลุ่มตลาดที่เราต้องการจะเข้าไปทำ พิจารณาจากความต้องการของตลาด กำลังซื้อ และทำเลที่ตั้ง ต้องสะดวกต่อการเดินทาง พื้นที่ต้องติดถนน" น.พ.เฉลิม กล่าวและว่า
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ทุกกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนต่างก็มุ่งการขยายตลาดเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายครบทุกเซ็กเมนต์ แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของการรักษาพยาบาล เทคโนโลยีทางการแพทย์ และค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะแตกต่างกัน ซึ่งเชื่อว่าการแข่งขันยังคงรุนแรงต่อไป แต่การรุกธุรกิจพยาบาลในลักษณะการซื้อกิจการ หรือการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มโรงพยาบาล เชื่อว่านับจากนี้จะไม่เห็นในลักษณะการร่วมทุนใหญ่ๆ อย่างเช่นที่ผ่านมาแล้ว ต่อไปจะเป็นลักษณะการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลขนาดเล็ก ที่มีอยู่ในต่างจังหวัดเพื่อนำมาพัฒนาเป็นโรงพยาบาลในเครือต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 21 - 23 มี.ค. 2556
- 58 views