คงเป็นเรื่องปกติ เมื่อปัจจุบันมีลูกจ้างในสถานประกอบการมากขึ้น จึงเข้าสู่ระบบประกันสังคมสูงขึ้นเช่นกัน รวมไปถึง สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส.เองได้มีการพิจารณาดึงแรงงานนอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบประกันสังคมด้วย จึงทำให้ยอดเงินกองทุนประกันสังคมในปัจจุบันสูงเฉียดถึง 8 แสนล้านบาท นับเป็นกองทุนทางการเงินใหญ่โตมโหฬารมากที่สุดในประเทศไทย และเชื่อว่าจะต้องมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกถึงล้านล้านบาท ในอีกไม่ช้าไม่นานจากนี้

แต่ทว่ายังมีข้อกังขาสงสัย เมื่อกองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นกองทุนทางการเงินขนาดใหญ่ แต่ทว่าทำไมยังต้องขึ้นอยู่กับระบบราชการ หลายๆ ฝ่ายจึงมีแนวคิดให้มีการปรับเปลี่ยนสำนักงานประกันสังคม ซึ่งขึ้นกับกระทรวงแรงงาน เป็นองค์การมหาชน รวมทั้งให้มีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการประกันสังคม หรือบอร์ด โดยให้ฝ่ายลูกจ้างผู้ประกันตนมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่แล้วคงไม่มีการตอบสนอง เมื่อทั้งฝ่ายการเมือง และบรรดาข้าราชการ ต่างเห็นสำนักงานประกันสังคมคือขุมทองดีๆ นี่เอง

ดังนั้น จึงปรากฏรายการใช้เงินผิดประเภทเกิดขึ้นบ่อยๆ มีการจัดทัวร์พาเที่ยว แจกนาฬิกายี่ห้อหรู ราคาเรือนละเป็นแสนๆ มีการชักหัวคิวเรียกเงินใต้โต๊ะ กรณีนำเงินกองทุนไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ และอีกสารพัดวิธีการ จนทำให้ลูกจ้างผู้ประกันตนเกิดความไม่สบายใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทั้งนักการเมืองและข้าราชการ เห็นในทำนองเดียวกันว่า เงินกองทุนประกันสังคมเป็นของพวกตน จึงบริหารใช้จ่ายกันตามใจชอบ โดยที่ผู้ประกันตนแทบไม่รู้เห็นอะไรด้วยเลย

แม้แต่ข้อมูลที่ระบุว่า ในขณะนี้มี ผู้ประกอบการค้างจ่ายเงินกองทุนประกันสังคมถึงกว่า 3 หมื่นราย เป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท และที่กำลังเป็นประเด็นให้ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกคือ รัฐบาลเองยังคงค้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเป็นเงินสูงถึงกว่า 63,000 ล้านบาท เท่ากับว่ารัฐบาลเป็นหนี้กองทุนประกันสังคม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หรือใช้แล้วต้องมีการคำนวณดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะถ้าหาก สนง.ประกันสังคม เป็นองค์การมหาชนแล้ว คงต้องรักษาผลประโยชน์ได้ดีกว่าปัจจุบัน

แต่เพราะในขณะนี้ประธานบอร์ด สปส. ยังเป็นข้าราชการประจำโดยตำแหน่ง แถมบอร์ดยังมีรัฐมนตรีซึ่งเป็นนักการเมืองคอยกำกับดูแล ดังนั้น ประโยชน์ที่ สนง.ประกันสังคมควรได้รับจากลูกหนี้จึงไม่มีทางเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปได้ จึงควรถึงเวลาแล้วที่สำนักงานประกันสังคมจะต้องมีการปฏิรูปตนเอง อย่าปล่อยให้ข้าราชการใน สนง. ประกันสังคม ขู่ตะคอกลูกจ้างผู้ประกันตน ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินประกันสังคมทำราวกับว่าไปขอส่วนบุญ ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ที่ลูกจ้างทุกคนพึงมีพึงได้ในระบบประกันสังคมทั่วโลก

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ 4 มกราคม 2556