3 หุ้นโรงพยาบาลเด่น “BCH-BH-BGH” ลุ้นไตรมาส 3/55 กำไรสุทธิโตรวมกว่า 3,147 ล้านบาท โตก้าวกระโดดกว่า 64% จากไตรมาส 3/54 อานิสงส์รายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น บุ๊ครายการพิเศษและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น BH กำไรโตสูงสุด 155% แตะ 1,159 ล้านบาท “นพ.เฉลิม” ย้ำรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,991.44 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวโน้มผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในไตรมาส 3/55 จะปรับเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า โดยเฉพาะ 3 หุ้นเด่น อย่างบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ที่กำไรสุทธิจะสร้างสถิติใหม่จากรายการพิเศษนอกเหนือจากกำไรปกติของบริษัท

นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายงานเพิ่ม ล่าสุดได้การลงทุนในโรงพยาบาลแห่งใหม่ในนามโรงพยาบาล เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ (WMC) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของบริษัทฯ มูลค่าการลงทุน ประมาณ 2,200 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน มูลค่าที่ดิน 200 ล้านบาท) เป็นโรงพยาบาลขนาด 324 เตียง ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งหวังจะให้การขยายการบริการเข้าสู่กลุ่มลูกค้าตลาดระดับบน อันจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และจะเปิดให้บริการปลายปี 2555 หรือต้นปี 2556 เป็นอย่างช้า คาดเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุนใน 6 ปีครึ่ง

 “เราจะใช้เงินทุนของเราประมาณ 1,800 ล้านบาท และกู้ในส่วนที่เหลือ ซึ่งจริงๆ เรากู้ได้เต็มอัตราแต่เราต้องการเพียงเท่านั้น เพราะสภาพคล่องเรามีเพียงพอ และปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของเราก็ต่ำมากประมาณ 0.4 เท่าครับ และหากเรากู้มาเพื่อลงทุนบางส่วนก็จะเพิ่มขึ้นไม่มากครับ แต่ตัวเลขอื่นๆ ในโรงพยาบาลที่ซื้อใหม่นี้รออีกนิดจะได้คำตอบที่ชัดเจนครับ เพราะเราอยู่ระหว่างประเมินในรายละเอียด” นายแพทย์เฉลิม กล่าว

สำหรับผลงานปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายเดิม เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวมไว้ที่ 3,991.44 ล้านบาท ขณะที่ผลงานไตรมาส 2/55 BCH มีกำไรสุทธิ 220.4 ล้านบาท สูงจากกำไรงวดนี้ปี 2554 ที่ทำไว้ 174.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.5%

บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ประเมินภาพรวมการเติบโตของธุรกิจการแพทย์ยังสดใส  คาดผลประกอบการไตรมาส 3/55 จะเติบโตก้าวกระโดด คาดภาพรวมกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลทั้ง 3 บริษัท คือ BCH, BH และ BGH จะขยายตัวสูงถึง 64% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาสก่อน เป็น 3,147 ล้านบาท แบ่งเป็น BCH มีกำไรสุทธิ 237 ล้านบาท  BH มีกำไรสุทธิ 1,159 ล้านบาท และ BGH มีกำไรสุทธิ 1,752 ล้านบาท

โดยมาจากปัจจัยบวก 3 ส่วนคือ 1 การเติบโตของรายได้ค่าบริการตามช่วงหน้าฝนและกระแสตอบรับจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่ขยายตัวโดดเด่น รวมถึงความซับซ้อนในการรักษาที่สูงขึ้น ก็ผลักดันภาพรวมรายได้บริหารไตรมาส 3/55 ทั้งกลุ่มโรงพยาบาลจะเติบโตสูงถึง 14% นำโดย BGH ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวปีก่อน

ขณะที่ 2.อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามอานิสงส์ของอัตราใช้เตียงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ BGH ที่พุ่งขึ้นเป็นกว่า 78% จากไตรมาส 3/54 ที่ 73% ดังนั้น คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นโดรวมทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นกว่า 34.4% และส่งผลต่อเนื่องอัตรากำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3/55 ปรับเพิ่มขึ้น 21.7% อีกครั้ง และ 3.จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BCH และ BH ซึ้งเบื้องต้น คาดมีมูลค่าสุทธิกว่า 668 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิของ BH ในไตรมาส 3/55 จะเติบโตโดดเด่นสุดของกลุ่มกว่า 1.6 เท่าจากไตรมาส 3/54 และผลักดันภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มการแพทย์ทั้ง 3 บริษัทดังกล่าวมีกำไรสุทธิ 3,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% แต่ในแง่กำไรปกติที่จะเติบโตโดดเด่นสุด คือ BGH

ดังนั้น จึงยกให้ BCH เป็น Top pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 11.10 บาท รองลงมา คือ BGH แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 114 บาท ส่วน BH ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว ประกอบกับโครงการขยายโรงพยาบาลแห่งใหม่ คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปี ข้างหน้า แถมยังคงมีความเสี่ยงของ Dilution Effect จากการแปลงสภาพหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปี 2560 กว่า 19% ของทุนจดทะเบียนด้วย จึงคงคำแนะนำ "ขายทำกำไร" ราคาเป้าหมาย 72.50 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยประเมินภาพรวมกำไรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล คาดว่าจะมีกำไรไตรมาส 3/55 เติบโต 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 7% จากงวดไตรมาส 2/55 โดยประเมิน 3 โรงพยาบาล จะมีกำไรทำสถิติสูงสุด ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เนื่องจากจะมีการรับรู้รายการพิเศษ

ทั้งนี้ จากการที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีกำไรจากการขาย บริษัท บางกอก เชนฯ กว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับกำไรที่ทำได้ต่อ 1 ไตรมาส ขณะเดียวกันทำให้โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้รับรู้กำไรพิเศษไปด้วย เพราะว่าถือหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 23.9%

"โรงพยาบาลกรุงเทพ จะมีกำไรเติบโตดีที่สุด แม้กำไรทุกโรงพยาบาลชะลอตัวในไตรมาสสุดท้ายตามฤดูกาล แต่กำไรปกติทั้งปีโดดเด่นเพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน และคาดว่าโรงพยาบาลกรุงเทพจะเติบโตดีสุด แม้พีอีเรโชจะสูงสุด 24.7 เท่าในปีหน้า แต่ถ้าเทียบกับการเติบโตกำไรสูงสุดถือว่าน่าสนใจ

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า แนะนำให้ "ถือ" หุ้นโรงพยาบาล เพราะได้รับฟังข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์กลุ่มย่อย เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/55 ซึ่งเนื้อหาที่ได้จากการประชุมออกมาเป็นเชิงบวก คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/55 จะสูงขึ้น 37.5% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ 35% หากเทียบกับงวดไตรมาส 2/55 และเชื่อว่าการที่ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างมากช่วงสองปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนถึงช่วงของการเร่งตัวของกำไรของบริษัทไปมากแล้ว

"ตอนนี้จึงเชื่อว่าหุ้น BGH กำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวของอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ระดับประมาณ 14% ในปี 2555-2558 ดังนั้น พีอีเรโชที่ระดับ 23.4 เท่าอิงจากกำไรต่อหุ้นจากธุรกิจหลักในปี 2556 จึงถือว่าแพงแม้ราคาหุ้นจะแพงและมีโอกาสปรับขึ้นได้ เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย ยังคงแนะนำให้ถือโดยคงราคาเป้าเอาไว้ที่ 113 บาท" นักวิเคราะห์ กล่าว

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ภาพรวมกำไรไตรมาส 3/55 จะอยู่ที่ 1.78 พันล้านบาท โดยการเติบโตเป็นผลมาจากปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้กำไรโตขึ้นได้แก่ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากผลประโยชน์ที่ได้จากการมีสัดส่วนของต้นทุนคงที่ต่อรายได้อยู่ในระดับที่สูง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23%

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ไตรมาส 3/55 จะโต 15% จากงวดเดียวของปีก่อนเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท จากการที่จำนวนคนไข้เพิ่มขึ้น 5-6% จากงวดเดียวกันปีก่อน และขั้นตอนการรักษาที่มีความเข้มข้นขึ้น 9-10% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยสัดส่วนผู้ป่วย อัตราการเติบโตของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติสูงกว่าผู้ป่วยชาวไทย รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ โต 17% จากงวดเดียวกันปีก่อน

ขณะที่รายได้จากผู้ป่วยไทยโต 15% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 15.5% จาก 12.3% ในไตรมาส 3 ปี 2554 ผลประโยชน์จากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือที่อยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลง ต่างมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้

รวมทั้ง คาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่อัตราการเติบโตของกำไรจะเริ่มชะลอตัวในปี 2556 ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นในอีก 3 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 14% ทั้งนี้เนื่องจากผลประโยชน์ที่เกิดจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือเริ่มจะลดลง จากการที่บริษัทมีการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/55 ของ  BGHจะอยู่ที่ 1.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จากปีก่อน และ 35.3% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านฤดูกาล

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/55 ของ BH มีกำไรสุทธิ 1,181 ล้านบาท เติบโต 1.36 เท่าจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี หากไม่รวมกำไรพิเศษหลังหักภาษีจากการขายหุ้น BCH (KH เดิม) ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 55 ประมาณ 608 ล้านบาท คาดกำไรปกติจะอยู่ที่ 573 ล้านบาท เติบโต 14.6% จากไตรมาสก่อน

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด คาดว่า BCH จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/55 ที่ระดับ 240 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9% จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากทั้งผู้ป่วยเงินสดและผู้ป่วยประกันสังคม ขณะที่กำไรน่าจะยังเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 4/55 ด้วย

ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555