บัญชีกลางอ่อนข้อยืดเวลาบังคับใช้ "1 โรคเรื้อรัง 1 โรงพยาบาล" หลังข้าราชการ-สาธารณสุขอ้างลิดรอนสิทธิ แถมโรงพยาบาลยังไม่พร้อมส่วนการระงับยากลูโคซามีนยังบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายน ตามกำหนดเดิม เร่งเคลียร์ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวว่า หลังจากกรมบัญชีกลางได้ส่งหนังสือเวียนไปยังส่วนราชการต่างๆ เพื่อเดินหน้าโครงการ 1 โรคเรื้อรัง 1 โรงพยาบาล โดยให้ข้าราชการลงทะเบียนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 และเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2555 เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ได้รับยารักษาไม่ซับซ้อน สะดวกต่อการบริหารจัดการในการเบิกจ่ายตรงนั้น

หลังจากมีข้อเรียกร้องจากกรรมาธิการของสภา กระทรวงสาธารณสุขและผู้ป่วยข้าราชการระบุว่า โครงการดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิจำกัดการรักษา เพราะกำหนดตายตัว อาจทำให้เปลี่ยนโรงพยาบาลไม่ได้ คณะกรรมการบริหารสวัสดิการจึงได้ประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เห็นชอบร่วมกันให้ขายเวลาออกไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากโรงพยาบาลหลายแห่งยังไม่พร้อมทั้งระบบคอมพิวเตอร์ จึงเตรียมส่งหนังสือเวียนทบทวนโครงการไปยังส่วนราชการให้รับทราบ

สำหรับข้อกำหนดในการใช้ยากลูโคซามีนหลังจากทำการศึกษาแล้วพบว่า เป็นเพียงอาหารเสริม จึงมีคำสั่งให้ส่วนราชการยกเลิกใช้ยานอกในการรักษานั้น ข้อกำหนดดังกล่าวยังคงเดินหน้าเหมือนเดิมในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 เพราะกลุ่มยาดังกล่าวใช้งบสูงถึง 900 ล้านบาทต่อปีแต่ขณะนี้ต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ที่เตรียมฟ้องร้อง และอาจเป็นเวทีสัมมนาชี้แจงแนวทางดังกล่าวให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น

สำหรับระเบียบกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับการใช้ยานอกบัญชีในการรักษานั้น ข้าราชการไม่ต้องกังวล เพราะข้อกำหนดที่ออกมาอนุญาตให้แพทย์ผู้ทำการรักษาพิจารณาใช้ยานอกบัญชีหลักได้โดยไม่มีการห้าม เพียงแต่ให้อธิบายเหตุผลในการใช้ยาดังกล่าว ส่วนกรณีแพทย์บางรายไม่ยอมใช้ยานอกบัญชีหลักอาจไม่ต้องชี้แจงเหตุผลการใช้ยาดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ได้ห้ามใช้ยาหลักทั้งหมด

สำหรับแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล หลังจากในงบประมาณปี 2555 ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้ 61,844 ล้านบาท เมื่อขอความร่วมมือให้เบิกจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้มีการเบิกจ่ายจริง 61,587 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 256 ล้านบาท สำหรับงบประมาณปี 2556 ได้รับจัดสรรงบ 6 หมื่นล้านบาทกรมบัญชีกลางจะควบคุมไม่ให้เกินงบที่ตั้งไว้

"เงินที่ประหยัดได้บางส่วนจะนำไปปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ข้าราชการผู้ป่วยให้ดีขึ้นเช่น ค่าห้องเบิกจ่ายได้คืนละ 600 บาท คงต้องปรับขึ้นให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน รวมถึงหูเทียม อวัยวะเทียม ที่มีราคาสูงขึน จึงต้องปรับสวัสดิการต่างๆ เหล่านี้ได้รับการเบิกจ่ายให้สูงขึ้น เพื่อต้องการเข้มงวดการเบิกจ่ายที่ไม่จำเป็น ซ้ำซ้อนในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำเงินไปปรับปรุงสวัสดิการในส่วนที่จำเป็นมากขึ้น" นายมนัส กล่าว

--คมชัดลึก ฉบับวันที่ 29 ต.ค. 2555 (กรอบบ่าย)--