คลังประกาศห้ามผู้ป่วยสวัสดิการข้าราชการเบิกจ่ายยานอกบัญชียาหลัก

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ให้สถานพยาบาลระบุเหตุผลการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อใช้ประกอบการเบิกจ่าย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ ได้ยกเลิกหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและให้สถานพยาบาลเบิกจ่ายตรงเฉพาะยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติอย่างไม่สมเหตุผลและไม่ถูกต้อง มีการเบิกจ่ายค่ายาเป็นยาขนาดแรก ทั้งๆ ที่ตามหลักการจะเบิกได้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติได้ ซึ่งแพทย์ต้องออกหนังสือรับรอง

 “หากเบิกยานอกบัญชียาหลัก ให้แจ้งรายการยามาให้กรมบัญชีรับทราบเพื่อส่งให้คณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติพิจารณากำหนดเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ายาที่เหมาะสม ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยแสดงความจำนงต้องการรับยาเหล่านั้น ผู้ป่วยต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเอง”เอกสารระบุ

นอกจากนี้ น.ส.สุภา ยังได้ลงนามเมื่อวันที่ 2 ต.ค. เรื่องการห้ามเบิกค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต หรือยารักษาข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการได้พิจารณาข้อมูลทางวิชาการแล้วเห็นว่าไม่คุ้มค่าและมีประสิทธิผลไม่ชัดเจน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้

สำหรับยากลูโคซามีนเคยถูกห้ามเบิกจ่ายมาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะนั้นราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข เพื่อใช้เป็นข้อมูลและเป็นแนวทางการบริหารจัดการและกำกับการใช้ยาอย่างเหมาะสมภายใน 1 เดือน

ทั้งนี้ ในระหว่างรอผลการศึกษานั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศหลักเกณฑ์ผ่อนคลายให้ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายได้ โดยให้ผู้ป่วยสำรองจ่ายค่ายาไปก่อน แล้วให้นำใบเสร็จไปเบิกกับต้นสังกัด และเมื่อคณะกรรมการฯ พิจารณาสรุปว่า 1.กลุ่มยากลูโคซามีนเป็นยาที่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติไม่คัดเลือกเข้าบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ

2.เอกสารที่ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ฯ ไม่มีข้อมูลใหม่ที่หักล้างงานวิจัยเดิม 3.ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ฯ ระบุว่า การรักษาด้วยยากลุ่มนี้มีต้นทุนสูง กว่ารายได้ประชากร 3 เท่าต่อคนต่อปี จึงยังไม่มีความคุ้มค่า

ที่มา: http://www.posttoday.com