“นายกฯยิ่งลักษณ์” ประกาศชูไทยพร้อมเป็นผู้นำด้านสุขภาพระดับโลก คู่ขนานการเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก พร้อมโชว์ศักยภาพการนวดขนานไทย 641 คู่ สร้างสถิติโลกทั้งจำนวนและเวลานวดนานสุด สู่สายตาชาวโลก
นายกรัฐมนตรี เปิดงานไทยแลนด์ เมดิคัล ฮับ เอ็กซ์โป 2012 ที่เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการดูแลสุขภาพในระดับโลก พร้อมประกาศชูไทย พร้อมเป็นผู้นำด้านสุขภาพระดับโลกทั้งบุคลากร เทคโนโลยีและคุณภาพบริการทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทย โดยวันนี้โชว์การนวดส่งเสริมสุขภาพขนานไทย 641 คู่ สร้างสถิติโลกในกินเนสบุ๊คทั้งจำนวนและเวลานานที่สุด 12 นาที ด้าน สธ. เผยโรงพยาบาลไทยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติมากเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และมีสปาไทย33 แห่ง อยู่ในระดับเวิร์ลด์ คลาส คาด5ปีข้างหน้านี้ บริการทางการแพทย์จะสร้างเม็ดเงินให้ไทยสูงถึง 800,000 ล้านบาท
วันนี้ (30 สิงหาคม 2555) ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 2-3 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน “มหกรรมศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 2012 หรือไทยแลนด์ เมดิคัล ฮับ เอ็กซ์โป 2012 (Thailand Medical Hub Expo 2012)” ภายใต้แนวคิด ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการดูแลสุขภาพในระดับโลก จัดโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และภาคเอกชน นับเป็นครั้งแรกในประเทศ เพื่อแสดงความพร้อมของไทย ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศให้มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสูงขึ้น รองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 และการเปิดเสรีทางการค้าโลก
ในงานวันนี้ ประเทศไทยได้จัดกิจกรรมพิเศษทำลายสถิติโลก แสดงการนวดไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า โดยหมอนวดไทยที่ได้ผ่านการอบรมจากหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 641 คู่ เพื่อสร้างสถิติโลกใหม่บันทึกในกินเนสบุ๊ค ทั้งจำนวนและนวดพร้อมกันนาน 12 นาที หลังจากที่ประเทศออสเตรเลียเคยสร้างสถิตินวดจำนวน 263 คู่ พร้อมกันเป็นเวลา 5 นาที เมื่อพ.ศ. 2553
นายกรัฐมนตรีกล่าวในการเปิดประชุมว่า นโยบายเมดิคัล ฮับ (Medical Hub) หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ถือเป็นหนึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการทำงานและเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนจนประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยบริการสุขภาพของไทย เป็นสาขาหนึ่งที่มีศักยภาพ รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์มุ่งมั่นให้ประชาชนไทยทุกคน สามารถเข้าถึงบริการหลักของประเทศได้ โดยเฉพาะโครงการ 30 บาทที่ประเทศไทยดำเนินการจนประสบผลสำเร็จ ต่างประเทศให้การยอมรับ และหลายประเทศนำแบบอย่างของไทยไปประยุกต์ใช้ รวมทั้งรัฐบาลยังสนับสนุนให้มีการพัฒนาศูนย์รักษาพยาบาลระดับเชี่ยวชาญ (Excellent Center) ครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพใกล้บ้าน และสนับสนุนการบริการเฉพาะทาง เช่นการรักษาโรคหัวใจ การผ่าตัดศัลยกรรม บริการด้านความงาม เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล สร้างรายได้ให้ประเทศ และภายใน 3 ปีนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งธุรกิจบริการสุขภาพเป็นสาขาหนึ่งที่รัฐบาลเร่งรัด และต้องการพัฒนาและยกระดับระบบสารสนเทศทางด้านสุขภาพให้ทันสมัย เพื่อการสืบค้นข้อมูลด้านบริการสุขภาพให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“จากการเดินทางไปเยือนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา หลายประเทศได้สนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านธุรกิจสุขภาพร่วมกับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้เห็นชอบในการอำนวยความสะดวกขยายเวลาพำนักในไทยให้นักท่อง เที่ยวจากกลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ที่นิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในประเทศไทย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ รัฐกาตาร์ รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน และรัฐบาห์เรน จาก 30 วันเป็น 90 วัน โดยไม่ต้องทำวีซ่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก และมั่นใจว่าภายใต้จุดแข็งด้านนี้ของไทย รวมทั้งองค์ความรู้ภูมิปัญญาไทย ได้แก่ นวดไทย สมุนไพร และการแพทย์แผนไทย ที่นำมาต่อยอดเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ จะยิ่งทำให้การเป็นเมืองท่องเที่ยวของไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้มีการพัฒนานวตกรรมบริการสุขภาพเพิ่มขีดความสามารถในด้านนี้ มั่นใจว่าจะทำให้นโยบายเมดดิคัลฮับประสบผลสำเร็จ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างงานและอาชีพให้ชาวไทยทั้งประเทศ” นายกฯ ยิ่งลักษณ์กล่าว
ทางด้าน นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เป็นนโยบายตั้งแต่พ.ศ. 2547 กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์รองรับการดำเนินงาน 4 ด้าน ได้แก่ 1.บริการการรักษาพยาบาล 2.บริการการส่งเสริมสุขภาพ 3.บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ4.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐาน จีเอ็มพี (GMP) การดำเนินงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ มีบริการเฉพาะสำหรับชาวต่างชาติ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ต้องรอคิวนาน ราคาเหมาะสม นอกจากนี้ประชาชนในประเทศยังมีสุขภาพดีขึ้น เข้าถึงการบริการสุขภาพได้ง่าย
นายวิทยากล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนของไทย ผ่านการรับรองมาตรฐานเจซีไอ (JCI : Joint Commission International) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ถึง 22 แห่ง ซึ่งจะมีการให้บริการทำวีซ่าในโรงพยาบาลด้วย จัดว่ามากอันดับ1ในเอเชีย ทำให้ไทยได้เปรียบประเทศอื่นๆมาก นอกจากนี้ยังพบว่าบริการสปาและการนวดไทยเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละ 12,813 ล้านบาท มีสปาผ่านเกณฑ์การรับรองของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว 1,436 แห่ง และพัฒนาต่อยอดยกระดับมาตรฐานสปาเพื่อสุขภาพในระดับสากล 3 ระดับ คือแพลตินัม(Platinum) โกลด์(Gold) และซิลเวอร์(Silver) ขณะนี้ผ่านการรับรองแล้ว 33 แห่ง โดยมีหมอนวดไทยที่ผ่านการอบรมการนวดเพื่อสุขภาพ 400 ชั่วโมง แล้วเกือบ 50,000 คน
ผลการประเมินเมดดิคัล ฮับในปี 2555 นี้ มีต่างชาติเดินทางมารักษาในประเทศไทย 2.5 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 121,658 ล้านบาท ต่างชาติที่เข้ามามากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย บริการได้รับความนิยม ได้แก่ ศัลยกรรมกระดูก ผ่าตัดโรคหัวใจ ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรม โรคทางเดินอาหาร ตรวจสุขภาพ คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเป็น 800,000 ล้านบาท
สำหรับงาน“มหกรรมศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 2012 จัดระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม -2 กันยายน 2555 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. โดยมีนิทรรศการและผลงานบริการสุขภาพแสดง 8 โซน ประกอบด้วยโซนที่ 1 แสดงผลงานและนิทรรศการการพัฒนาด้วนสาธารณสุขของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ โซนที่ 2 แสดงกิจกรรมและผลงานของกระทรวงสาธารณสุขครบรอบ 93 ปี โซนที่ 3 การอบรมสัมมนาวิชาการและฝึกอบรมเชิงปฏิบัติหลักสูตรต่างๆ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปที่สนใจ โซนที่ 4 คลินิกบริการตรวจรักษาพยาบาลฟรี จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย และพบกับเหล่าซือที่มีชื่อเสียงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ถ่ายทอดความรู้และสาธิตศาสตร์การแพทย์แผนจีน โซนที่ 5 กิจกรรมส่งเสริมธุรกิจการค้า ประกอบด้วยโรงพยาบาลเอกชนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล โรงพยาบาลภาครัฐที่เป็นต้นแบบนำมาตรฐานนานาชาติมาใช้ให้บริการ ธุรกิจยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ โซนที่ 6 กิจกรรมการเจรจาและจัดคู่ทางธุรกิจ เช่นการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่างชาติ โซนที่ 7 กิจกรรมเวทีกลางสร้างความบันเทิงโดยดาราและพิธีกรชื่อดัง โซนที่ 8 เป็นกิจกรรมบริการเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว บริการปรึกษาทางธุรกิจ
- 16 views